ประชาชน 65% หนุนแก้กม.ทำแท้ง
วันที่ 21 พ.ย. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,458 คน เกี่ยวกับกรณี “การพบศพเด็กทารกจำนวนมาก ภายในวัดไผ่เงิน” สรุปผลได้ดังนี้ ประชาชน ร้อยละ 62.18 เห็นว่า กรณีการพบศพทารก สร้างความตกตะลึง และตกใจว่าทำไมถึงได้มีการทำแท้งเป็นจำนวนมากมายขนาดนี้
ร้อยละ 15.24 เห็นว่า เป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม เป็นการทำบาป และ ผิดกฎหมาย ร้อยละ 9.38 เห็นว่า เป็นข่าวที่สังคมไทยต่างให้ความสนใจและมีการติดตามข่าวทั้งจากสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ ร้อยละ 7.11 อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวนสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว และ ร้อยละ 6.09 ควรนำเรื่องนี้มาเป็นอุทาหรณ์สอนใจและหาแนวทางแก้ไขโดยเร่งด่วน
เมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าการทำแท้งเป็นสิทธิส่วนบุคคล / มาจากความจำเป็นของแต่ละคนหรือไม่? ร้อยละ 47.17 ระบุว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคล เพราะถือเป็นการตัดสินใจของผู้ที่ให้กำเนิดเอง สิ่งที่เกิดขึ้นอาจมาจากความไม่พร้อมหรือความจำเป็นของแต่ละคน ฯลฯ ร้อยละ 30.19 ระบุว่า ไม่แน่ใจ เพราะ คิดว่าคนที่มาทำแท้งน่าจะมีเหตุผลหรือความจำเป็นที่แตกต่างกันออกไป ในใจลึกๆ แล้วเชื่อว่าคนเป็นแม่ย่อมรักลูก ฯลฯ ขณะที่ ร้อยละ 22.64 ระบุว่า ไม่เป็น เพราะ ตามกฎหมายได้ระบุไว้แล้วว่าการทำแท้งเป็นเรื่องผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม ฯลฯ
เมื่อถามว่า ถ้าจะมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ตรงกับเรื่องนี้ออกมา ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่? ร้อยละ 65.62 เห็นด้วย เพราะสังคมไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก การมีเพศสัมพันธ์โดยขาดการป้องกันเกิดขึ้นได้ง่าย บางคนคิดว่าการทำแท้งเป็นเรื่องปกติ หรือ เป็นทางออกที่ดีที่สุด ฯลฯ ร้อยละ 21.72 ไม่แน่ใจ เพราะ การแก้ไขกฎหมายอย่างเดียวคงไม่ได้ผล ควรให้ความรู้หรือให้การศึกษาในเรื่องนี้ควบคู่ไปด้วยจะดีกว่า ฯลฯ และ ร้อยละ 12.66 ไม่เห็นด้วยเพราะ ขึ้นอยู่กับความคิดและวิจารณญาณของแต่ละคน กฎหมายหรือข้อห้ามต่างๆ เกี่ยวกับการทำลายชีวิต ทำผิดศีลธรรม ก็มีระบุไว้อยู่แล้ว ฯลฯ
กรณีเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ประชาชนคิดว่าผลกระทบในภาพรวมที่สังคมได้รับ คือ ร้อยละ 34.38 ระบุว่า สภาพสังคมที่แย่ลงอย่างมาก ทำให้เกิดพฤติกรรม การลอกเลียนแบบอย่างผิดๆ ร้อยละ 32.81 เห็นว่า คนในสังคมไทยปัจจุบันมีสภาพจิตใจที่ตกต่ำ แย่ลง /ขาดคุณธรรม จริยธรรม และ ร้อยละ 19.12 ด้านมนุษยธรรม การทำลายชีวิตของมนุษย์ด้วยกันเอง
ส่วนแนวทางป้องกัน /แก้ไขในเรื่องนี้ นั้นประชาชน ร้อยละ 36.09 ระบุว่า การให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา การป้องกัน การคุมกำเนิด ในวิชาเรียนของเด็กให้เหมาะสมตามระดับชั้นเรียน รองลงมา คือ ร้อยละ 29.14 พ่อแม่/คนในครอบครัว ต้องให้ความรัก ความอบอุ่น /การดูแล เอาใจใส่ลูกหลานอย่างใกล้ชิด และ ร้อยละ 15.58 การตรวจสอบ ปราบปรามคลินิกที่ทำผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ
Update:23-11-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่