ติดเกม-ตีกัน-ก้าวร้าว สารพันปัญหาเยาวชน

“หมอเดว”แนะอุดรอยรั่ว จับผิดไม่ส่งผลดี

 

 ติดเกม-ตีกัน-ก้าวร้าว สารพันปัญหาเยาวชน

           

            เด็กและเยาวชน ถือเป็นอนาคตของชาติ จึงเป็นวัยที่จำเป็นต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ซึ่งทุกวันที่ 20 กันยายน ของทุกปี จึงถูกกำหนดให้เป็นเยาวชนแห่งชาติ เพื่อให้เยาวชนได้ตระหนักว่าตนเองมีส่วนช่วยพัฒนาชาติและบ้านเมือง 

 

สำหรับสัดส่วนของประชากรที่มีอายุน้อยกว่า 19 ปี ที่ถือว่าเป็นเด็กและเยาวชน มีถึงร้อยละ 25 ของประชากรทั้งหมด  หรือ 1 ใน 4 เลยทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายหน่วยงานจำเป็นต้องหาแนวทางป้องกัน และแก้ไขปัญหาที่เกิดกับเด็กและเยาวชน เพื่อไม่ให้เยาวชน ตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ทั้งร่างกาย จิตใจและสังคม…

 

            ถึงแม้จะมีการเฝ้าระวัง ป้องกันอย่างไร ปัจจุบันก็ยังคงพบว่าเด็กและเยาวชนยังคงมีพฤติกรรมเสี่ยงให้พบเห็นอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร หรือการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยและไม่พร้อม พฤติกรรมเสพยาเสพติด เหล้า บุหรี่ อินเตอร์เน็ต เกม หรือแชท พฤติกรรมบริโภคนิยม พฤติกรรมในการขับรถประมาท และที่เพิ่งจะเป็นข่าวใหญ่โตไปเมื่อไม่นานอย่างการยกพวกตีกัน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เกิดขึ้นกับเด็กไทย…

 

            จากรายงานสำรวจของสถาบันประชากรและสังคม พบว่า สาเหตุการเสียชีวิตในวัยรุ่นอันดับแรก คือ อุบัติเหตุ ทำให้คร่าชีวิตวัยรุ่นไปแล้วราว 4 พันคนต่อปี และด้วยพฤติกรรมเสี่ยงในการขับรถของวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อุบัติเหตุในวัยรุ่นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันพฤติกรรมทางเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น พบว่า อายุเฉลี่ยของวัยรุ่นที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกคือ อายุ 17 ปี และลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การแต่งงานช้าลง โดยเฉลี่ยอายุ 24 ปี 

 

เห็นได้ว่าช่องว่างที่เกิดขึ้นจากค่าเฉลี่ยของการเริ่มมีเพศสัมพันธ์กับการแต่งงานราว 8 ปีนี้ สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์มากขึ้น โดยมีปัจจัยกระตุ้นหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่วัยรุ่นที่เร็วขึ้น การกระตุ้นโดยสื่อที่ไม่เหมาะสม การปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ หรือการป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัย การใช้ยาคุมกำเนิด ยังคงอ่อนแอ นอกจากนี้ปัญหาโรคเอดส์ในวัยรุ่นก็เป็นอีกปัญหาที่น่าสนใจและน่าเป็นห่วง กล่าวคือวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี ประมาณ 60,000 คนที่กำลังติดเชื้อเอดส์ มาจากพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์โดยขาดการป้องกันและเป็นสาเหตุการตายของวัยรุ่นในลำดับที่ 2 รองจากอุบัติเหตุอีกด้วย…

 

            ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังพบว่าวัยรุ่นใช้เวลากับสื่อมากเกินกว่า 6-7 ชั่วโมงต่อวัน โดยหมดไปกับการดูโทรทัศน์ราว 3 ชั่วโมง อินเทอร์เน็ตกว่า 2 ชั่วโมงและโทรศัพท์ กว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเล่นเกมถึงร้อยละ 86 สนทนาออนไลน์ ร้อยละ 49 ส่งอีเมล ร้อยละ 44 โดยใช้เพื่อการศึกษาเพียงร้อยละ 14 ทำให้เกิดปัญหาเด็กติดเกม การดูเว็บ/คลิปโป๊ ทัศนคติและการเลียนแบบพฤติกรรมทั้งในเรื่องการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยและวัตถุนิยมมากขึ้น

 

นอกจากนี้ ยังพบว่า เด็กประมาณร้อยละ 30 มีอาการเครียดและปัญหาทางอารมณ์ และ 37 คน ในแสนคนพยายามฆ่าตัวตาย รวมทั้งมีพฤติกรรมก้าวร้าว ตั้งแก๊งแข่งรถมอเตอร์ไซด์ ใช้ความรุนแรง ทะเลาะวิวาท ดื่มสุราและเสพยาเสพติด มีปัญหาการออกจากโรงเรียนกลางคัน ตลอดจนผลสัมฤทธิ์การศึกษาต่ำ ซึ่งจะส่งผลให้เยาวชนซึ่งเป็นกำลังแรงงานของชาติในอนาคตขาดคุณภาพทั้งทักษะความรู้ ขาดวินัย และมีพฤติกรรมรุนแรง รวมทั้งขาดจริยธรรมคุณธรรมได้…

 

            จากปัญหาที่เกิดขึ้น นพ.สุริยเดว ทรีปาตี หรือ “หมอเดว” ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน สสส. บอกว่า การแก้ปัญหาวัยรุ่นที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะอยู่บนทัศนคติแง่ลบ ดังนั้น จึงส่งผลให้เราคอยแต่อุดรอยรั่ว คอยจับผิด แต่ไม่ได้สร้างเกราะป้องกันและเสริมสร้างจุดดีของเขา ซึ่งทั้งสองอย่างต้องทำควบคู่กันไป ซึ่งหากยังคงแก้ปัญหาด้วยทัศนคติเช่นนี้ จะทำให้ปัญหาดังกล่าวยิ่งยากจะแก้ไขและสลับซับซ้อนมากขึ้น

 

            ที่ผ่านมา เคยแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยการจัดทำพื้นที่ดีในกรุงเทพฯ สำหรับให้วัยรุ่นได้แสดงออกถึงศักยภาพของเขา ซึ่งผลก็เป็นน่าพอใจ คือ เยาวชนสามารถห่างไกลยาเสพติด อันถือเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างจุดดีของเขา นอกเหนือจากแนวทางดังกล่าวแล้ว การปลุกชุมชนให้ตื่น ให้คนในชุมชนหันมารู้จักกันและกัน เพื่อเป็นเกราะป้องกัน เป็นหูเป็นตาในการดูแลวัยรุ่นให้มากขึ้น น่าจะเป็นอีกทางในการช่วยเหลือ หมอเดว กล่าว

 

            แต่ที่จะขาดไม่ได้ คือ สถาบันครอบครัว พ่อแม่ในทุกวันนี้มีเวลาให้ครอบครัวลดลง การให้ความสำคัญเพื่อสร้างพลังให้แก่สถาบันครอบครัว นับตั้งแต่การวางแผนครอบครัว การฝึกฝนทักษะต่างๆ เช่น ทักษะในการปฏิเสธ  การผิดหวังให้เป็น ความอดทน และความมีวินัย รวมถึงการให้ความสำคัญในการเลี้ยงดูลูกตั้งแต่เล็ก  เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมที่ดีแก่ลูก เพื่อให้เยาวชนอบอุ่นและมีความรู้สึกปลอดภัย  

 

            สุดท้ายต้องมุ่งไปที่สื่อ เพราะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ส่งอิทธิพลต่อวัยรุ่น จำเป็นต้องกระตุ้นให้เกิดสื่อสร้างสรรค์ให้มากที่สุด

 

            หากทั้งหมดนี้สามารถทำได้จริง ปัญหาเด็กและเยาวชนที่กำลังรุมเร้ากันอยู่ทุกวันนี้ คงจะได้รับการเยียวยา จากสังคมได้ดี…

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา:ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ Team Content www.thaihealth.or.th

 

 

Update : 20-09-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน

Shares:
QR Code :
QR Code