ชูชีพขวด จากบ้านอาสาใจดี

 

 

สัปดาห์ก่อนเราได้รู้จักกิจกรรมใหม่ของ สสส. หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ และพันธมิตรจากหลายหน่วยงานที่ร่วมกันเปิดตัว “บ้านอาสาใจดี” ขึ้นเป็นการเฉพาะกิจ เพื่อปฏิบัติภารกิจร่วมกันในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยปัญหาน้ำท่วมได้กินระยะเวลายืดเยื้อมากว่า 2 เดือนแล้ว ซ้ำร้าย วันนี้ น้ำทั้งหมดกำลังจ่อประตูของจังหวัดภาคกลางตอนล่าง อย่างกรุงเทพมหานคร เพื่อไหลลงสู่อ่าวไทยในที่สุด

กิจกรรมในบ้านอาสาใจดี ก็ยังไม่หยุดนิ่งตราบเท่าที่ความช่วยเหลือยังกระจายไปได้ทุกซอกมุมของกรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ได้มีการจัดเวิร์คชอปปั้นลูกบอลชีวภาพ หรือ em ball และได้มีการจ่ายแจกไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่ร้องขอความช่วยเหลือ เพราะสาร em นั้นมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายจุลินทรีย์ ซึ่งในสภาวะน้ำท่วมเช่นนี้ น้ำที่ขังนิ่งเป็นเวลานานจะส่งกลิ่นเน่าเสีย และกิจกรรมนี้ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก จากภาคประชาชน เยาวชน ที่มีจิตอาสาเข้ามาร่วมบำเพ็ญประโยชน์กันอย่างคึกคัก

และล่าสุด มีการจัดเวิร์คชอปเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเสื้อชูชีพโดยใช้ขวดน้ำพลาสติก เพื่อเป็นการนำเอาสิ่งของเหลือใช้ใกล้ตัวมาทำเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตในยามฉุกเฉิน โดยเริ่มต้นจากการมองหาอุปกรณ์ทั้งหมด ได้แก่ ขวดน้ำพลาสติกขนาด 1.5 และ 0.6 ลิตร เชือกฟาง และเสื้อมือสองจำนวนสองตัว เพื่อนำมาประกอบกันเป็นเสื้อชูชีพได้ 1 ตัว

เริ่มทำโดยตัดฉลากที่ขวดน้ำออกให้หมด เพื่อลดความลื่นแล้วใช้เชือกที่นำมาถักเป็นเปียก่อน เพื่อเพิ่มความเหนียว มัดที่ขวดใบแรกจำนวน 2 จุด คือ คอขวดและตัวขวดส่วนที่เป็นร่อง เพื่อไม่ให้เชือกหลุดออกได้ง่าย ต่อจากนั้นนำขวดที่เหลือมาเรียงกันโดยแบ่งเป็นด้านหน้าใช้ขวดขนาด 0.6 ลิตร จำนวน 9 ขวดและด้านหลังใช้ขวด 1.5 ลิตร จำนวน 4 ขวด โดยมัดรวมกันให้เรียงเป็นแพ ซึ่งการมัดขวดแต่ละขวดเข้าด้วยกันนั้น เราจำเป็นต้องรัดแบบหักคอไก่ทั้งที่คอขวดและตัวขวด ทำแบบเดียวกันในทุกๆ ระหว่างขวด เพื่อความแข็งแรงของชูชีพ

เมื่อได้เป็นแพทั้ง 2 ชุดแล้ว เราต้องมัดขวดทุกขวดอีกรอบแบบสลับฟันปลาและทุกปลายเชือกเราต้องมัดเป็นเงื่อนตายให้หมด ทำแบบนี้เหมือนกันทั้ง 2 ชุด จากนั้นนำเสื้อทั้ง 2 ตัวมาตัดส่วนคอและแขนทั้งสองข้างออก แล้วเย็บปลายเสื้อด้านล่างทั้งสองตัวเพื่อบรรจุแพขวดน้ำพลาสติกเข้าไปในเสื้อแต่ละตัว และเย็บปิดเพื่อไม่ให้แพขวดน้ำหลุดออกมา หลังจากนั้นให้ใช้แขนเสื้อที่เราตัดออกมาเย็บที่ด้านบนของเสื้อให้เสื้อทั้งสองตัวติดกัน ทำเหมือนกันทั้ง 2 ด้าน ก็จะได้เป็นเสื้อชูชีพขึ้นมา

หลังจากนั้นก็ใช้เชือกฟางคล้องเป็นห่วงบริเวณด้านข้างของเสื้อ ข้างละ 2 จุดและคอเสื้อด้านหน้า 1 จุดเพื่อใช้ร้อยเชือก และวิธีสุดท้ายให้ใช้เชือกที่เราถัก ผูกไว้ที่ด้านล่างข้างหลังของเสื้อ จำนวน 2 เส้น เพื่อใช้ในการรัดและรั้งไม่ใช้เสื้อชูชีพลอยหลุดออกจากตัวผู้ใส่ และใช้เชือกอีก 2 เส้น มัดไว้ที่ด้านข้างของเสื้อแล้วสอดมาตามห่วงที่ผูกไว้ โอบมาข้างหน้าและรัดไว้ตรงห่วงที่คอเสื้อเพื่อให้เสื้อกระชับและแน่นหนาขึ้นกว่าเดิม

จิรัฏฐ์ ฉายะจินดาวงศ์ อาสาสมัครศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ภาคประชาชน ผู้ที่ให้ความรู้ในการทำเสื้อชูชีพด้วยขวดน้ำพลาสติกบอกว่าก่อนจะลงมือทำเวิร์คชอปนั้น ทางทีมงานได้มีการทดลองเพื่อหาค่ามาตรฐาน และจำนวนขวดพลาสติกที่เหมาะสมกับน้ำหนักคนหลายครั้ง และพบว่า คนที่มีน้ำหนักประมาณ? 70 กิโลกรัมควรใช้ขวดน้ำพลาสติกที่มีความจุรวมกันไม่ต่ำกว่า 10 ลิตร และเพิ่มจำนวนไปตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของผู้สวมใส่

นี่เป็นเพียงตัวอย่างของสิ่งประดิษฐ์ง่ายๆ ที่สามารถดัดแปลงได้จากสิ่งเหลือใช้ในบ้านซึ่งเหมาะสำหรับสภาวะของบ้านเราในตอนนี้ โดยเฉพาะในหลายๆ พื้นที่ที่ความช่วยเหลือยังกระจายเข้าไปไม่ถึง เพราะชาวบ้านอีกจำนวนมากยังอยู่ในพื้นที่ชุมชนแออัด และระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่ได้รับบริจาคมานั้นก็มีจำนวนจำกัด

โดยส่วนตัวผมคิดว่าการเสื้อชูชีพเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในเวลานี้สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น คือ สติของคนเรา หากเกิดน้ำท่วมแบบฉับพลัน ควรตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก ควรหาขวดน้ำใบใหญ่ๆ ลูกบาสเกตบอลหรือกะละมังที่มีฝาปิด เอามากอดไว้ก็สามารถช่วยชีวิตได้ เพราะใช้หลักการเดียวกับเสื้อชูชีพขวดน้ำแต่เรื่องความปลอดภัยอาจจะสู้ไม่ได้ จิรัฏฐ์กล่าว

สถานการณ์น้ำท่วมที่ยังไม่คลี่คลาย จะเป็นเป้าหมายหลักในการทำงานของบ้านอาสาใจดีที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แม้ว่าในวันนี้คนกรุงเทพจะตกอยู่ในสภาวะของผู้ประสบภัยเสียเองบ้างแล้วในบางพื้นที่ แต่เชื่อได้ว่า ยังมีกลุ่มจิตอาสาของชาวกรุงอีกส่วนหนึ่งที่ยังปลอดภัย ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ที่เสาะแสวงหาช่องทางที่จะช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อนให้คลายทุกข์ได้ในเร็ววัน

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

Shares:
QR Code :
QR Code