ชีวิตแรงงานไทย…เรื่องใหญ่ที่รอขับเคลื่อน
วันที่ 1 พ.ค.ของทุกปีถูกกำหนดให้เป็น “วันแรงงานแห่งชาติ” ซึ่งเป็นวันที่แสดงถึงความสำคัญของผู้ใช้แรงงานที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพราะโลกไม่เคยหยุดนิ่ง ระบบเศรษฐกิจจึงมีการพัฒนาอยู่เสมอ จากยุคเกษตรกรรมก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม เมื่อแรงงานมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น คุณภาพชีวิตจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อกลุ่มผู้ใช้แรงงาน หากแต่มองย้อนกลับไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มผู้ใช้แรงงาน…กลับมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่าคุณภาพชีวิตของพวกเขาดีพอแล้วหรือยัง
“อรพิน วิมลภูษิต” ผู้จัดการแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ บอกกับเราว่า หากพูดถึงคุณภาพชีวิตแรงงาน จำเป็นต้องมองในหลายมิติ มิติแรก คือ ความมั่นคงทางรายได้และอาชีพ ซึ่งหากเปรียบเทียบจาก 3-4 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้ถือว่าแรงงานไทยมีความมั่นคงด้านรายได้และอาชีพดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น สาเหตุที่ทำให้แรงงานมีความมั่นคงในด้านดังกล่าวดีขึ้น เนื่องจากกลุ่มแรงงานเริ่มมีอำนาจในการต่อรองเรื่องค่าจ้างมากขึ้น จนทำให้ภาครัฐหันมาให้ความสนใจและตอบรับเพื่อนำไปเป็นนโยบายในแก้ปัญหา แต่ก็ส่งผลให้ปัจจุบันมีการเรียกร้องต่อรองระหว่างแรงงานกับนายจ้างกันอยู่เนืองๆ อย่างที่ได้เห็นกันอยู่
“แต่ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้มันดีขึ้น อาจมีสาเหตุมาจากหลายๆ ปัจจัยด้วยกัน อย่างแรกอาจเป็นเพราะเงื่อนไขทางการเมือง สองวิกฤติเศรษฐกิจที่ทำให้ต้องตระหนักถึงการยกระดับค่าจ้างของแรงงานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในกลุ่มผู้ใช้แรงงานและสุดท้ายตัวผู้ใช้แรงงานเองได้เรียนรู้ที่จะใช้พลังในการรวมตัวเพื่อยื่นข้อเรียกร้องมากขึ้น ถึงที่ผ่านมามันจะไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีสักเท่าไหร่นัก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นตัวแปลสำคัญที่ทำให้ปัจจุบันคุณภาพชีวิตแรงงานดีขึ้นในระดับหนึ่ง”นางอรพิน กล่าว
นางอรพิน กล่าวต่อว่า เมื่อกลุ่มผู้ใช้แรงงานเรียนรู้ที่จะเรียกร้องสิทธิของตนเอง รู้ว่าพลังของแรงงานจะเป็นตัวขับเคลื่อนจนทำให้รัฐเล็งเห็นถึงความสำคัญ และพรรคการเมืองทั้งหลายก็นำเอาจุดนี้ไปใช้เป็นนโยบายต่างๆ มากมายเกิดขึ้น นั่นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องที่น่าห่วงคือ แรงงานที่มีฝีมือระดับปานกลางหรือสูง จะไม่มีปัญหาเรื่องค่าจ้างสักเท่าไหร่ แต่ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ฝีมือธรรมดาหรือที่ต้องพัฒนา ก็จะยังคงพบกับปัญหานี้อยู่มาก อีกทั้งเมื่อค่าแรงขั้นต่ำปรับตัวสูงขึ้น นายจ้างก็หันไปใช้แรงงานข้ามชาติแทนการใช้แรงงานไทยซึ่งถือเป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก นั่นคือเรื่องของมิติค่าจ้าง
นางอรพิน บอกต่อว่า อีกมุมหนึ่งของคุณภาพชีวิตแรงงานก็คือ เรื่องคุณภาพความปลอดภัยในการทำงานของแรงงานนั้นถือเป็นประเด็นสำคัญ ในส่วนของรัฐเองถึงแม้จะไม่มีนโยบายในเรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่ความสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่การบังคับใช้ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่สามารถให้แรงงานทั้งหมดเข้าถึงการบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่ต้องรณรงค์และขับเคลื่อนให้แรงงานปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ ทั่วถึงและเป็นธรรม รวมไปถึงเรื่องประกันสังคม ที่พูดถึงการเข้าถึงระบบและการบริการทางการแพทย์ เข้าถึงกองทุนทดแทนที่เจ็บป่วยจากการทำงาน หรือแม้แต่แรงงานนอกระบบที่พูดถึงเรื่องชีวะอนามัย ซึ่งในระบบคุณภาพไทยยังไม่ได้มีนโยบายเรื่องนี้อย่างชัดเจน
ผู้จัดการแผนงานฯ บอกต่ออีกว่า จากการทำงานของแผนงานฯ ในช่วงปีที่ผ่านมาในเรื่องของการรณรงค์การพัฒนาคุณภาพความปลอดภัยทั้งในระบบและนอกระบบ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนโยบายให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น ในโรงงานได้ขับเคลื่อนให้เกิดความร่วมมือระหว่างนายจ้าง องค์กรภาครัฐและแรงงาน ว่าทำอย่างไรให้นายจ้างกำหนดนโยบายของโรงงานให้สอดคล้องกับปัญหา เพราะการที่นายจ้างเสนอข้อมูลไปยังภาครัฐแต่ละครั้ง ข้อมูลส่วนใหญ่จะไม่ตรงกับความเป็นจริง ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้เรื่องของหลักประกันทางสังคมก็ดูเป็นเรื่องที่ก้าวหน้าไปและดีขึ้นอย่างชัดเจน เพราะมีการขับเคลื่อนเรื่องนี้มาตลอดแต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
นางอรพิน กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า การที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของแรงงานดีขึ้นอย่างยั่งยืนนั้น เราทุกคนต้องช่วยกันมองหลายๆ ด้าน การมีนโยบายอย่างเดียวไม่ได้หมายความว่าคุณภาพชีวิตแรงงานจะดีขึ้นอย่างยั่งยืน แต่ประเด็นมันอยู่ที่กลไกการบังคับใช้ ถึงแม้จะมีนโยบายแต่ถ้ากลไกมันไม่สามารถทำให้แรงงานเข้าถึงการบริการต่างๆ ได้ มันก็ไม่ช่วยอะไร อีกทั้งตัวของพี่น้องแรงงานเองก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจถึงสิทธิที่ตนเองพึงมีอยู่ด้วย สร้างความเข้าใจในปัญหาที่ตนเองเป็นอยู่และให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมในกระบวนการปรับปรุงพัฒนา สร้างความร่วมมือกับหน่วยงาน และสถานประกอบการ สร้างเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งและทำให้เกิดการเกื้อหนุน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สนับสนุนถกเถียง เพื่อหาทางออกร่วมกัน เรื่องของในคุณภาพชีวิต นั่นคือประเด็นสำคัญที่จะแก้ไขคุณภาพชีวิตแรงงานได้อย่างแท้จริง
หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน ให้ความสนใจกันอย่างและร่วมกันแก้ปัญหาร่วมกันอย่างจิงจังแล้วล่ะก็…แรงงานไทยที่เป็นกำลังสำคัญส่วนหนึ่งของชาติก็จะเป็นแรงงานที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีเทียบเท่าประเทศอื่นๆได้เป็นแน่ๆ
ที่มา : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่