งานบุญปลอดเหล้า
อานิสงค์ส่งถึงตนเองและประเทศชาติ
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ว่า คนไทยของเรา มีปริมาณการดื่มเหล้าลดลง ซึ่งถ้าเป็นความจริง คงต้องขอขอบคุณ หน่วยงานที่ชื่อ สำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการ รณรงค์ให้คนเลิกดื่มเหล้ามาโดยตลอด จนมาพบกับ ผลสำเร็จที่น่าชื่นใจในเวลานี้
อยากรู้ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ คงต้องมาฟัง ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการ สสส. ที่เปิดเผยให้ทราบ ว่า สถานการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของสังคมไทยในปี 2550 พบว่าจำนวนผู้ดื่มแอลกอฮอล์มีทั้งสิ้น 14.9 ล้านคน พอถึงปี 2551 พบว่า ปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มต่อหัวประชากรลดลงเป็น 46 ลิตรต่อคนต่อปี
แม้ว่าปริมาณการดื่มเหล้าในหมู่ของประชาชนคนไทยลดลง แต่ สสส. ก็ยังไม่ได้หยุดที่จะทำการรณรงค์ในเรื่องนี้ เพราะ สสส. ทราบดีว่า ผลจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 156,105.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.99 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ การส่งเสริมให้ลดพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงถือเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะการลด ละ เลิก การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบุญประเพณีของไทย ยังถือเป็นการสร้างวัฒนธรรมอันดีงามที่มีคุณค่าในสังคม
ซึ่งมีสถิติเกี่ยวกับการดื่มเหล้าของคนไทยในงานบุญงานกุศลนี้ มีผลจากการสำรวจการประเมินผลการรณรงค์ ปี 2551 : กรณีศึกษาประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปในเขตกทม.และใน 23 จังหวัดทั่วประเทศ โดยศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จำนวนทั้งสิ้น 5,978 ตัวอย่าง พบว่า ผู้ที่เคยดื่มเครื่องดื่มในงานกฐิน มีจำนวนถึง 22% โดยเห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่เลี้ยงเหล้าในงานบุญถึง 41% ทั้งนี้ 69% เห็นร่วมกันว่า ควรจัดงานบุญประเพณีให้เป็นงานบุญที่ปลอดเหล้า
ด้วยเหตุนี้เอง จึงได้มีการกำหนดโทษของการดื่มเหล้าใน งานบุญอันเป็นประเพณีอันงามของไทยเอาไว้สูง ว่า ใครที่ฝ่าฝืนดื่มเหล้าในงานบุญ จะต้องจำคุก 6 เดือน โทษปรับ 10,000 บาท
และในสัปดาห์นี้ ประเทศไทย โดยเฉพาะ พุทธศาสนิกชน กำลังอยู่ในเทศกาล วันออกพรรษา ซึ่งคนไทยที่นับถือพุทธศาสนาจะมีประเพณี ทอดกฐิน กันตามวัดวาอารามต่างๆทั่วประเทศ จึงได้มีการ รณรงค์ให้คนไทยที่จะไปทำบุญทอดกฐิน พึงตระหนักว่า อย่าได้นำเอาเหล้า หรือ ของมึนเมา เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานบุญในประเพณีของไทยอย่างเด็ดขาด
เรื่องนี้ มีข่าวมาจาก จังหวัดราชบุรีว่า จังหวัดราชบุรี ชู งานกฐินปลอดเหล้า 398 วัดในจังหวัด ให้เป็นต้นแบบของ งานกฐินปลอดเหล้า โดยผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นาย สุเทพ โกมลภมร ประกาศเดินหน้านโยบายเต็มที่หวังลดความเสี่ยงประชาชน โดย ทางจังหวัดราชบุรี หนุนงานบุญปลอดเหล้า ด้วยการจับมือร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) , สำนักเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคตะวันตก, สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี และ โรงพยาบาลสวนผึ้ง จัดพิธีประกาศเจตนารมณ์กฐินปลอดเหล้า ถวายเป็นพระกุศลงานฉลองพระชันษา 96 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยมีนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธี
นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า หลังจากเทศกาลออกพรรษาจะมีประเพณีทอดกฐิน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามของคนไทย จึงได้ประกาศเจตนารมณ์ให้งานทอดกฐินในจังหวัดราชบุรี เป็นกฐินปลอดเหล้าถวายเป็นพระกุศลงานฉลองพระชันษา 96 ปีของสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชฯ และเพื่อเป็นประโยชน์ในการสร้างความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมาการจัดเทศกาลงานบุญประเพณีต่างๆมักมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นตัวชูโรงหลักในการจัดงาน ซึ่งหลายภาคส่วนเห็นร่วมกันว่าหากยังไม่เร่งรีบแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อความสูญเสียของประชากรในจังหวัดเพิ่มขึ้น จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่การประกาศเจตนารมณ์ทอดกฐินปลอดเหล้าในจังหวัดราชบุรี มีวัดที่แสดงเจตจำนงเข้าร่วมถึง 398 วัด และคาดว่าจะมีจำนวนวัดเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ และในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ประชาชนชาวราชบุรีกว่า 100 เครือข่ายจะร่วมกันจัดงานทอดกฐินสร้างเสริมสุขภาวะ ณ วัดประชุมพลแสน อำเภอสวนผึ้ง โดยชาวราชบุรีจะงดดื่มและงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในระหว่างวันที่ 31 – 1 พฤศจิกายน ในอำเภอสวนผึ้ง
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พิธีทอดกฐิน เป็นงานบุญที่มีปีละครั้ง เป็นกาลทาน แปลว่า “ถวายตามกาลสมัย” ตามพระวินัยกำหนดไว้ คือ ในช่วงหลังออกพรรษาระยะเวลา 1 เดือน สิ้นสุดในวันลอยกระทง ในปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งการทอดกฐินปลอดเหล้าจะทำให้ได้อานิสงส์สูงสุดและเป็นการสืบต่อพระศาสนาอย่างแท้จริง โดยปฏิบัติตนรักษาศีล ละเว้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่เริ่มเดินทาง จนถึงพิธีทอดกฐิน จึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจทั้งเจ้าภาพกฐิน เจ้าอาวาส คนร่วมบุญกฐิน เพื่อให้เป็นการทอดกฐินบุญอย่างแท้จริง และที่สำคัญการดื่มหรือขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณวัดยังผิดกฎหมายอีกด้วย
เกิดการร่วมไม้ร่วมมือกันอย่างนี้ คงเป็นที่น่ายินดีว่า ประเพณีงานบุญของไทยคงจะมีความสะอาดมากยิ่ง และบุญกุศลจากการทำบุญน่าจะส่งผลไปถึงผู้ทำบุญ ตลอดรวมไปถึงประเทศชาติให้เกิดความสงบสุขร่มเย็น เหตุร้ายภัยพิบัติต่างๆจะได้หมดสิ้นกันเสียที
และที่แน่ๆ งานบุญปลอดเหล้า ยังช่วยทำให้ เกิดการลดต้นทุนทางเศรษฐกิจ และ เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางมากยิ่งอีกด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Update 07-10-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์