ควิทไลน์…เพื่อนแสนดีของคนปอดสะอาด
1600 ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ
ปัจจุบันมีการกำหนดชัดเจนแล้วว่า การติดบุหรี่ถือเป็น “โรค” อย่างหนึ่งซึ่งต้องมีการบำบัดรักษา แนวทางการรักษาโรคติดบุหรี่ทางเวชปฏิบัติในระดับชาติมี 2 แบบ คือการใช้ยาและวิธีพฤติกรรมบำบัดหรือการให้คำปรึกษา (Counseling – Behavior therapy/treatment)
จากข้อมูลดังกล่าว จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือ งานแฟชั่น ที่บรรดาวัยรุ่นทั้งหลายจะหลงระเริง วิ่งเข้าหาบุหรี่ เพื่อต้องการแสดงตนว่า “ตัวเองทันสมัย หรือ เพื่อความเท่ห์ของชีวิต” เพราะคงไม่มีใครจะขวนขวาย เอาโรค มาใส่ตัวเอง…ถ้าไม่ใช่ คนโง่ หรือ คนเสียสติ
แม้ บุหรี่ จะถูกจัดให้เป็น โรคชนิดหนึ่งที่ต้องมีการรักษา แต่ดูเหมือนว่า โรคชนิดนี้ ยังสามารถดำรงชีวิตของตัวมันเองได้ในสังคมอย่างสบายๆ ด้วยเสื้อที่คลุมตัวเองว่า เป็น ธุรกิจ เป็น อุตสาหกรรม ที่ ถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อ ฝ่ายหนึ่ง(ที่รักตัวเอง)ต่อต้าน อีกฝ่ายหนึ่ง (ที่ต้องการผลประโยชน์ทางธุรกิจ)จึงต้องต่อสู้
ในแวดวงการ ต่อสู้กันระหว่าง ผู้สร้าง กับผู้(ไม่ต้องการให้)เสพ จึงเป็นเสมือน สนามรบขนาดย่อมๆแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้ ที่ มี ผู้แพ้ (คนตายเพราะบุหรี่) และ ผู้ชนะ(ผู้ไม่ต้องการให้เสพ)
ผลัดกันรุก ผลัดกันรับอยู่เรื่อยๆ จึงทำให้เกิด เทคโนโลยี หรือ วิธีการ หรือ กลยุทธ์ ที่ แปลกใหม่ออกมาให้เห็นอยู่เสมอ
ฝ่ายสร้างบุหรี่ ก็พยายามหา ตัวล่อ ตัวหลอก ออกมา สร้างความไขว้เขวให้กับกับฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ อาทิ บอกว่า สร้างบุหรี่เพื่อผู้หญิงขึ้น , บอกว่า บุหรี่ไม่มียาพิษร้ายแรง เป็นต้น
ฝ่ายต้าน(ทาน)ก็ต้องออกมาหาข้อพิสูจน์ หรือ สร้างหน่วยงานเพื่อ บำบัดรักษา ผู้ที่ ต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของบุหรี่ให้หลุดพ้นออกมา
หนึ่งใน หน่วยงานเพื่อการบำบัดรักษา คือ ศูนย์บริการโลกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ
ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ หรือเรียกสั้นๆ ว่า ควิทไลน์ (Quitline) เป็นรูปแบบการบริการที่เข้าถึงได้ง่ายผ่านสายโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์ไร้สาย และปัจจุบันยังมีบริการผ่านอินเตอร์เน็ตในเว็บไซด์ของศูนย์อีกด้วย
ผู้ใช้บริการจึงสามารถเข้าถึงบริการได้จากทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย ไม่เสียเวลาในการเดินทางและไม่ต้องมานั่งรอการตรวจตามหมายเลขบัตรคิว จึงทำให้ศูนย์ดังกล่าวนี้ ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ต้องการดิ้นให้หลุดจากโรคติดบุหรี่ หรือ ไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในพวก ก๊วนนักสูบ โดยยืนยันได้จากตัวเลขที่ มีผู้โทรเข้ามากว่า 6 หมื่นรายต่อเดือน แต่ เจ้าหน้าที่สามารถรองรับได้เพียงเดือนละไม่เกิน 4 พันรายเท่านั้น ส่วนที่เหลือ เจ้าหน้าที่จึงใช้วิธีโทรกลับไปหาสำหรับผู้ที่ฝากข้อความและเบอร์โทรไว้ให้โทรกลับ
บริการของควิทไลน์ จึงมีทั้งเชิงรับและเชิงรุก เชิงรับ คือการรับสายจากผู้รับบริการและให้คำปรึกษารายละประมาณ 20 นาที ส่วนเชิงรุก คือการโทรกลับเพื่อให้คำปรึกษา และแบ่งได้เป็น 3 แบบ คือ การโทรกลับจากการบันทึกในเครื่องโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต การโทรกลับเมื่อมีการส่งต่ออย่างเป็นทางการจากภาคี และ การโทรกลับเพื่อป้องกันการสูบซ้ำ
ควิทไลน์มีหลักพื้นฐานในการบริการไม่ต่างจากบริการเลิกบุหรี่อื่นๆ คือ มีหลักให้คำปรึกษาที่มีเรียกว่า 5A ประกอบด้วย การสอบถามประวัติการสูบบุหรี่ การแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ การประเมินลักษณะการเสพติดและความพร้อมในการเลิกบุหรี่ การช่วยให้เลิกโดยให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ และการติดตามเพื่อให้กำลังและประคับประคองให้เลิกได้อย่างถาวร (Ask, Advice, Assess, Assist, Arrange to follow up) ดำเนินการโดยผู้ประกอบวิชาชีพสุขภาพ พยาบาล นักจิตวิทยาทางคลินิก และนักสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ทางการแพทย์และมีประสบการณ์ในระบบบริการทางสุขภาพ
“การอบรมผู้ให้คำปรึกษาของเรา เราจะไม่พูดลบ เราไม่พูดว่าเลิกบุหรี่เถอะแล้วจะไม่ตายด้วยมะเร็งหรือตายด้วยอย่างอื่น แต่เราบอกว่าชีวิตปลอดบุหรี่จะได้อะไร หลังจากให้คำปรึกษาไปแล้วติดตามครั้งที่ 1 …บางทีพอเราโทรกลับไปเขาบอกช้าไปเสียแล้ว สูบไปแล้วเมื่อเช้านี่เอง เราก็บอกว่า อ้าวสูบไปแล้วเหรอคะและถามว่าอดได้กี่วัน โอ้ย อดได้ตั้ง 24 ชม. เพราะฉะนั้นถ้าจะเริ่มต้นใหม่ก็ย่อมทำได้ เพราะทำมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว…. เราก็จะบอกผู้สูบว่าคนที่เลิกบุหรี่มีความพยายามเลิกมากเท่าไรโอกาสจะประสบความสำเร็จมากเท่านั้น คนที่จะประสบความสำเร็จน้อยมากคือคนที่ยังไม่ได้พยายามเลิก เพราะฉะนั้นท่านเลิกแล้วได้ตั้ง 24 ชม. โอกาสเริ่มใหม่มีอยู่เสมอ” รศ.ดร.จินตนา ยูนิพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ กล่าวให้ทราบ
ทุกวันนี้ ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ (Thailand National Quiltline 1600) ถือเป็นหน่วยงานบริการเลิกบุหรี่หนึ่งที่จะเป็นกองกำลังสำคัญ เพราะเข้าถึงได้ง่ายในพื้นที่กว้างขวาง ผ่านทางโทรศัพท์ ที่มีทั่วถึงทุกครัวเรือน และเกือบทุกผู้ทุกนาม
สำหรับ ความเป็นมาเป็นไปของ ควิทโลน์ สืบเนื่องมาจากข้อมูลหลักฐานระดับชาติและระดับนานาชาติ และการระดมความเห็นของนักวิชาการและผู้ปฏิบัติการที่เป็นบุคลากรวิชาชีพสุขภาพ และการระดมความคิดระดับนโยบายเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ จึงทำให้เกิดข้อตกลงร่วมของ 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ให้มี “สายเลิกบุหรี่แห่งชาติ” โดยพัฒนาต่อยอดจากหน่วยงานเล็กๆหน่วยงานหนึ่งในมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ซึ่งมีสายโทรศัพท์เพียง 2 สาย
จากนั้น สายเลิกบุหรี่ 1600 จึงกลายเป็นศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา ปัจจุบันศูนย์ฯ ให้คำปรึกษาแก่ผู้ต้องการเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง มากกว่า 2,000 ราย ต่อเดือน
วันนี้คุณโทรไปหา ควิทไลน์หรือยัง?
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Update: 25-08-53
อัพเดตเนื้อหาโดย: คมสัน ไชยองค์การ