ครอบครัวไทยได้เฮเยาวชนใช้เวลาว่างสร้างประโยชน์

ต้องถือว่าเป็นข่าวดีของเด็กไทยและครอบครัวไทยอีกครั้ง เมื่อสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ขยายโครงการเพื่อสังคมจากกิจกรรม “ปิดเทอมสร้างสรรค์” สู่ “วันว่างสร้างสรรค์” โดย สสส.ร่วมกับองค์กรภาครัฐและจับมือกับเหล่าภาคีเครือข่าย เปิดโอกาสให้ทุกภาคีเดินหน้าสรรค์สร้างกิจกรรมเพื่อให้เด็กๆได้เข้าร่วมทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ณ พื้นที่สร้างสรรค์ใต้ทางด่วนเพลินจิต

ครอบครัวไทยได้เฮเยาวชนใช้เวลาว่างสร้างประโยชน์

ก่อนหน้านี้นับตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคมปีที่แล้ว สสส.ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรมสำหรับเด็กในช่วงปิดเทอม ซึ่งนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ มีทั้งค่ายร้องเพลง ค่ายฝึกเต้น ค่ายศิลปะประดิษฐ์ ค่ายนักปั่น ค่ายนักอ่าน ซึ่งทำให้พ่อแม่รู้สึกสบายใจว่าเด็กจะมีกิจกรรมที่เกิดประโยชน์ทำในช่วงวันหยุด ส่วนเด็กๆ เองก็เหมือนกัน ช่วงเวลาปิดเทอมทำให้พวกเขาได้มีเวลาว่างเรียนรู้ในสิ่งที่ใฝ่ฝันและอยากทำ

นอกเหนือจากการจัดอบรมตามสถานที่ที่ภาคีเครือข่ายกำหนดไว้ ยังมีการจัดพื้นที่สร้างสรรค์ใต้ทางด่วนเพลินจิตไว้เป็นศูนย์กลาง โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากภาครัฐอีกด้วย

ครอบครัวไทยได้เฮเยาวชนใช้เวลาว่างสร้างประโยชน์หลังจากที่เปิดดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว สสส.จึงทำการวิจัยสำรวจผลตอบรับจากผู้ที่มาร่วมกิจกรรมทั้งคนในชุมชนพื้นที่และชุมชนบริเวณใกล้เคียง สิ่งที่น่าสนใจจากผลการประเมินก็คือ 80% ของผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมชอบกิจกรรมที่จัดขึ้น 100% อยากให้จัดกิจ กรรมทุกๆ ปี ไม่ใช่แค่เฉพาะ 3 เดือนในช่วงปิดเทอม 72% อยากให้เพิ่มระยะเวลามากขึ้น และอีก 43% อยากให้ขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆให้ครอบคลุมถึงต่างจังหวัดด้วย จึงเป็นที่มาของการขยายโครงการจาก “ปิดเทอมสร้างสรรค์” สู่ “วันว่างสร้างสรรค์” เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่และสนับสนุนให้เกิดการใช้เวลาว่างที่มีมาสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

กิจกรรมที่มีผู้ให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ กิจกรรมศิลปะประดิษฐ์ หรือ diy โดย เปิ้ล-สุทธิ์นุสรณ์ สุวรรณพันธ์ ผู้จัดการกิจกรรม diy เปิดเผยว่า ในทุกวันเสาร์ที่มีการจัดกิจกรรมขึ้น น้องๆ ให้ความสนใจเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 20-30 คน โดยในการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งนั้นก็ต้องคำนึงถึงกิจกรรมให้สอดคล้องกับช่วงวัยของน้องๆ ซึ่งมีตั้งแต่กลุ่มอายุ 4-15 ปีด้วย ซึ่งน้องๆ นอกจากจะได้หัดประดิษฐ์สิ่งของด้วยตัวเองแล้ว ยังสามารถนำสิ่งของที่ประดิษฐ์กลับไปได้อีกด้วย และกิจกรรมในวันเสาร์ที่ 21 เม.ย.2555 คือกิจกรรมปากกาคริสตัล วิบวับระยับจิต ส่วนวันเสาร์ที่ 28 เม.ย.2555 คือกิจกรรมรองเท้าแตะตุ๊กตาน่าเอ็นดู ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ได้ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 13.00-16.00 น.

รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ทางด้าน รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์สื่อสารสังคมสสส. เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 เมษายนนี้ จะเห็นโฉมใหม่ของพื้นที่สร้างสรรค์ และโครงการวันว่างสร้างสรรค์นั้นไม่เพียงเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มเด็กและเยาวชนเท่านั้น แต่ยังพยายามรวบรวมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และหลากหลายให้กับทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งกิจกรรมต่างๆ นี้เน้นการสร้างเสริมทักษะในด้านต่างๆ เช่น การสร้างแรงบันดาลใจ ฝึกอาชีพ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ หรืออื่นๆที่เหมาะสมกับตัวเอง แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล โดยในช่วงเริ่มต้นนี้ได้รวมกิจกรรม อาทิ กิจกรรม diy, กิจกรรมอาณาจักรนักอ่าน ส่งเสริมและสร้างสรรค์ด้วยการอ่าน, กิจกรรมคัด-คีย์-แพ็ก ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา, กิจกรรมสร้างสรรค์จินตนาการกับเหล่านักวาดการ์ตูนชื่อดังมากมาย,การ workshop การผลิตสื่อหนังสั้นฯลฯ

อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.วิลาสินี ยังตั้งเป้าและมุ่งมั่นอย่างชัดเจนว่า พื้นที่สร้างสรรค์และวันว่างสร้างสรรค์ของไทยจะต้องก่อเกิดให้เป็นรูปธรรมเหมือนกับที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่สามารถสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ

“เรามีกรณีศึกษาเรื่องพื้นที่ชุมชนสร้างสรรค์แบบนี้ที่ประเทศเกาหลีใต้ กรุงโซล โดยมีนายกเทศมนตรีคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เรื่องการสร้างพื้นที่สาธารณะให้กับผู้คนในกรุงโซลได้ใช้ประโยชน์ โดยเขาได้เสนอให้รื้อสะพานที่ค่อมคลองของเกชอน ซึ่งเป็นคลองสายหลักของกรุงโซลออก ในขณะนั้นประชาชนไม่เห็นด้วยและต้องจัดทำประชาพิจารณ์กันมากถึง 4 พันครั้ง และต้องต่อสู้กันอย่างยาวนานถึง 4-5 ปี จนกว่าจะได้รื้อและจัดทำพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนได้มาใช้ประโยชน์ ซึ่งปัจจุบันนั้นพื้นที่แห่งนี้ถูกเปลี่ยนเป็นแม่น้ำที่สวยงามและสวนสาธารณะที่ตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัยที่กรุงโซลได้ และต่อมานายกเทศมนตรีท่านนี้ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย” ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์สื่อสารสังคมสสส.กล่าว

ครอบครัวไทยได้เฮเยาวชนใช้เวลาว่างสร้างประโยชน์รศ.ดร.วิลาสินีได้กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า ประเทศไทยไม่ค่อยพื้นที่สาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้ใช้วันว่างให้เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์เท่าที่ควร ซึ่งประเทศไทยนั้น เวลาจะก่อสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมามักไม่ค่อยบูรณาการพื้นที่กับกิจกรรมเข้าร่วมกัน ในขณะที่ต่างประเทศนั้น ทุกครั้งที่จะมีการก่อสร้าง เขารวมองค์ความรู้ของทุกฝ่ายเข้าไว้ด้วยกันทั้งหมด ทั้งองค์ความรู้จากผู้นำชุมชน จากสาธารณสุข แกนนำชาวบ้าน พื้นฐานความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ เขาจะเชื่อมแกนต่างๆเหล่านี้ก่อนที่จะมีการก่อสร้างสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง แต่ของบ้านเรานั้นไม่มี ถ้าบ้านเรามีกระบวนการแบบนี้บ้าง พื้นที่สร้างสรรค์ในบ้านเราคงจะเกิดขึ้นอย่างมาก และทุกคนในสังคมของเราคงได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่สร้างสรรค์มากกว่านี้!!!

สำหรับน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจรายละเอียดข้อมูลกิจกรรมวันว่างสร้างสรรค์ สามารถติดตามที่ www.thaihealth.or.th และเฟซบุ๊ก www.facebook.com/thaihealth. หรือ โทร.08-0279-2572

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code