คนไร้บ้านพุ่งพรวดโรคจิตเกลื่อนถนน

 

เผยสถานการณ์คนเร่ร่อนไร้บ้านในรอบปีที่ผ่านมามีจำนวนเพิ่มขึ้น 4.2% เขตพระนครครองแชมป์ คาดในอนาคตยิ่งน่าห่วงหนัก เหตุสังคมไทยเป็นสังคมคนแก่ พบกลุ่มผู้ป่วยโรคสมองและจิตถูกเมินจากภาครัฐ ขณะที่คนตายริมถนนเฉลี่ยเดือนละ 2 ราย จี้รัฐเร่งออก พ.ร.บ.คนไร้ที่พึ่ง

คนไร้บ้านพุ่งพรวดโรคจิตเกลื่อนถนน

นายนที สรวารี เลขาธิการมูลนิธิอิสรชน องค์กรรณรงค์สิทธิคนชายขอบในสังคมเมือง เปิดเผยสถานการณ์ล่าสุดของผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะทั้งกลุ่มคนเร่ร่อน-ไร้บ้าน และผู้ป่วยข้างถนนทั้งโรคสมองเสื่อมและโรคทางจิตเวช โดยใช้วิธีการสำรวจเชิงปริมาณและลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต และอ้างอิงข้อมูลพื้นฐานบ้านมิตรไมตรี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

นายนที กล่าวว่า จากการสำรวจจำนวนผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะในกรุงเทพฯ พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี เมื่อปี 2553 มีจำนวน 2,451 คน ส่วนในปี 2554 มีจำนวน 2,561 คน เพิ่มขึ้น 4.2% แบ่งเป็นผู้ชาย 1,630 คน ผู้หญิง 931 คน เมื่อแยกตามประเภทผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ พบว่ามีกลุ่มคนเร่ร่อนไร้บ้านมากที่สุด รองลงมาเป็นคนติดสุรา คนหลับนอนชั่วคราว ผู้ป่วยข้างถนนและคนจนเมือง เขตที่มีจำนวนผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะมากที่สุดในกรุงเทพฯ คือ เขตพระนคร 472 คน รองลงมา เขตบางซื่อ 258 คน เขตจตุจักร 207 คน เขตปทุมวัน 182 คน และเขตสัมพันธวงศ์ 163 คน ส่วนตัวเลขทั่วประเทศมีคนเร่ร่อนประมาณ 30,000 คน

เลขาธิการมูลนิธิอิสรชน กล่าวว่า สถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังคือ ทุกวันนี้มีผู้ป่วยทั้งทางสมองและจิตตามถนนทุกเส้นทาง และปัญหาคนเร่ร่อนรอบพื้นที่สนามหลวงตายเฉลี่ยเดือนละ 1 ราย สาเหตุเพราะไม่ได้รับการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานตามสิทธิความเป็นมนุษย์ กรณีเสียชีวิตล่าสุดเพราะเก็บอาหารในถังขยะไปกิน แต่กลับมียาเบื่อหนูปนอยู่ในอาหาร ทำให้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตข้างถนน 4 ราย เฉลี่ยเดือนละ 2 ราย ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วเฉลี่ยเดือนละ 1 ราย กลายเป็นสิ่งที่ถูกมองข้าม

“กลุ่มเร่งด่วนที่ควรเข้ามาดูแลคือ ผู้ป่วยทางสมองและจิต ต้องมีเจ้าภาพเข้ามาดูแล แต่ที่ผ่านมา กทม.ยังขับเคลื่อนเรื่องนี้ ส่วนกลุ่มคนเร่ร่อนไร้บ้านต้องฟื้นฟูและปรับกระบวนการคิด และพัฒนาอาชีพเน้นการพึ่งพาตนเองให้มากกว่าการสงเคราะห์ โดยนำกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 55 บุคคลซึ่งไร้ที่อยู่อาศัยและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ ย่อมมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐมาใช้อย่างจริงจัง” นายนทีกล่าวและว่า เสนอให้ยกเลิก พ.ร.บ.ขอทาน เพราะละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ต้องเร่งผลักดัน พ.ร.บ.คนไร้ที่พึ่ง เพราะจะช่วยให้กลไกการทำงานคนไร้ที่พึ่งในประเทศไทยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เลขาธิการมูลนิธิอิสรชน บอกว่า จากการสำรวจและวิเคราะห์ถึงสภาพปัญหาคนเร่ร่อนในเมืองใหญ่อีก 10 ปีข้างหน้า สถานการณ์คนเร่ร่อนจะยิ่งน่าเป็นห่วงกว่านี้ เนื่องจากสังคมไทยจะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น และเป็นประชากร 1 ใน 5  ของประชากรไทยทั้งหมด คนชราส่วนใหญ่มีปัญหาเป็นโรคอัลไซเมอร์ และครึ่งหนึ่งของผู้ที่เป็นโรคนี้จะเดินออกมาตามท้องถนน การจัดการแก้ไขปัญหานั้น ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา โดยจะต้องช่วยเหลือรักษาสุขภาพและส่งเสริมศักยภาพให้พวกเขาสามารถกลับคืนสู่สังคมปกติให้ได้

 

 

         

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code