ขวดเปล่าช่วยชีวิต “ชูชีพ”จากของเหลือใช้

 

 

สถานการณ์น้ำท่วมดูเหมือนจะแผ่ขยายวงกว้างออกไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศไทยและหนักขึ้นทุกที แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ นอกจากน้ำใจของคนไทยที่หลั่งไหลกันมาบริจาคข้าวของ เครื่องใช้ที่จำเป็นแล้ว ของใช้จำเป็นอย่าง “เสื้อชูชีพ”ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญพอสมควรในยามนี้

ล่าสุด “บ้านอาสาใจดี” ที่เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือกันของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ภาคีศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม หรือ Thaiflood และเครือข่ายด้านสุขภาวะทั้งหมดของ สสส. ได้จัดทำ work shopเสื้อชูชีพจากขวดน้ำพลาสติกขึ้น เพื่อเป็นการขยายองค์ความรู้ในการนำสิ่งรอบตัวมาเป็นอุปกรณ์ในการช่วยเหลือตนเองได้ในยามเกิดอุทกภัยเช่นนี้ พร้อมทั้งจะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน

โดย นายจิรัฏฐ์ ฉายะจินดาวงศ์ อาสาสมัครศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ภาคประชาชน บอกกับเราว่า การทำเสื้อชูชีพโดยใช้ขวดน้ำพลาสติกนี้ มีการทำมานานแล้ว จากเดิมใช้ถุงผ้ามาเย็บเป็นเสื้อชูชีพ โดยมีหลักการทำงาน คือ การใช้อากาศในขวดน้ำเป็นตัวช่วยพยุงน้ำหนักตัวคนให้ลอยน้ำ ซึ่งถือเป็นหลักการง่ายๆ ที่เราเคยเห็นกันบ่อยครั้ง

“ก่อนจะมาทำ Work shop เสื้อชูชีพนี้ ได้มีการทดลองเพื่อหาค่ามาตรฐานและจำนวนขวดน้ำพลาสติกที่เหมาะสมกับน้ำหนักคนหลายครั้ง จนได้ค่าที่พอเหมาะว่า คนที่น้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม ควรใช้ขวดน้ำพลาสติกที่มีความจุรวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 10 ลิตรในการจะนำมาทำเสื้อชูชีพ หากน้ำหนักมากกว่านั้นจำนวนขวดน้ำก็ต้องเพิ่มตามไปด้วย”นายจิรัฏฐ์กล่าว

ส่วนวิธีการทำนั้น นายจิรัฏฐ์ บอกว่า สามารถทำได้ง่ายๆ โดยอุปกรณ์ทั้งหมดประกอบไปด้วย ขวดน้ำพลาสติกขนาด 1.5 และ 0.6 ลิตร เชือกฟางและเสื้อมือสองจำนวน 2 ตัวต่อเสื้อชูชีพ 1 ตัว เริ่มการทำโดยการตัดฉลากที่ขวดน้ำออกให้หมด เพื่อลดความลื่นของขวด และใช้เชือกที่นำมาถักเป็นเปียก่อน เพื่อเพิ่มความเหนียว มัดที่ขวดใบแรกจำนวน 2 จุด คือ คอขวดและตัวขวดส่วนที่เป็นร่อง เพื่อไม่ให้เชือกหลุดออกได้ง่าย ต่อจากนั้นนำขวดที่เหลือมาเรียงกันโดยแบ่งเป็นด้านหน้าใช้ขวดขนาด 0.6 ลิตร จำนวน 9 ขวดและด้านหลังใช้ขวด 1.5 ลิตร จำนวน 4 ขวด โดยมัดรวมกันให้เรียงเป็นแพ ซึ่งการมัดขวดแต่ละขวดเข้าด้วยกันนั้น เราจำเป็นต้องรัดแบบหักคอไก่ทั้งที่คอขวดและตัวขวด ทำแบบเดียวกันในทุกๆ ระหว่างขวด เพื่อความแข็งแรงของชูชีพ

เมื่อได้เป็นแพทั้ง 2 ชุดแล้ว เราต้องเพิ่มความแข็งแรงอีกชั้น ด้วยการมัดขวดทุกขวดอีกรอบแบบสลับฟันปลาและทุกปลายเชือกเราต้องมัดเป็นเงื่อนตายให้หมด ทำแบบนี้เหมือนกันทั้ง 2 ชุด จากนั้นนำเสื้อทั้ง 2 ตัวมาตัดส่วนคอและแขนทั้งสองข้างออก แล้วเย็บปลายเสื้อด้านล่างทั้งสองตัวเพื่อบรรจุแพขวดน้ำพลาสติกเข้าไปในเสื้อแต่ละตัว และเย็บปิดเพื่อไม่ให้แพขวดน้ำหลุดออกมา หลังจากนั้นให้ใช้แขนเสื้อที่เราตัดออกมาเย็บที่ด้านบนของเสื้อให้เสื้อทั้งสองตัวติดกัน ทำเหมือนกันทั้ง 2 ด้าน ก็จะได้เป็นเสื้อชูชีพขึ้นมา

แต่ยังไม่เสร็จแค่นี้…หลังจากนั้นก็ใช้เชือกฟางคล้องเป็นห่วงบริเวณด้านข้างของเสื้อ ข้างละ 2 จุดและคอเสื้อด้านหน้า 1 จุดเพื่อใช้ร้อยเชือก และวิธีสุดท้ายให้ใช้เชือกที่เราถัก ผูกไว้ที่ด้านล่างข้างหลังของเสื้อ จำนวน 2 เส้น เพื่อใช้ในการรัดและรั้งไม่ใช้เสื้อชูชีพลอยหลุดออกจากตัวผู้ใส่ และใช้เชือกอีก 2 เส้น มัดไว้ที่ด้านข้างของเสื้อแล้วสอดมาตามห่วงที่ผูกไว้ โอบมาข้างหน้าและรัดไว้ตรงห่วงที่คอเสื้อเพื่อให้เสื้อกระชับและแน่นหนาขึ้นกว่าเดิม เพียงเท่านี้เราก็ได้เสื้อชูชีพที่เราทำเองและสามารถช่วยชีวิต ทั้งผู้บาดเจ็บ ผู้เดือดร้อน รวมถึงตัวเองจากอุทกภัยได้แล้ว

นายจิรัฏฐ์ บอกอีกทิ้งท้ายไว้ว่า การทำเสื้อชูชีพจากขวดพลาสติกนี้ เป็นเพียงรูปแบบหนึ่งที่จะสามารถช่วยชีวิตคนเราได้เมื่อเจออุทกภัย เพราะมันเป็นรูปแบบที่แข็งแรงและรู้สึกว่าปลอดภัย แต่ทั้งนี้เราสามารถดัดแปลงการทำเสื้อชูชีพไปตามอุปกรณ์ที่แต่ละบ้านมี ไม่ว่าจะทำจากถุงอาหารสัตว์ ถุงปุ๋ย หรือแม้แต่ขวดน้ำเพียงอย่างเดียวก็สามารถได้ โดยใช้หลักการเดียวกัน

“โดยส่วนตัวผมคิดว่าการเสื้อชูชีพเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในเวลานี้สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น คือ สติของคนเรา หากเกิดน้ำท่วมแบบฉับพลัน ควรตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก ควรหาขวดน้ำใบใหญ่ๆ ลูกบาสเก็ตบอลหรือกะละมังที่มีฝาปิด เอามากอดไว้ก็สามารถช่วยชีวิตได้ เพราะใช้หลักการเดียวกับเสื้อชูชีพขวดน้ำแต่เรื่องความปลอดภัยอาจจะสู้ไม่ได้”

เมื่อเสื้อชูชีพสามารถทำได้ง่ายๆ และสามารถช่วยชีวิตคนเราจากการจมน้ำได้จริง การมีไว้ติดบ้านในเวลานี้ก็คงเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีกว่า เพื่อตัวคุณเองและคนที่คุณรักนะคะ

 

 

เรื่องโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ Team content www.thaihealth.or.th

Shares:
QR Code :
QR Code