ก.แรงงาน-สสส.ผนึกภาคีเครือข่ายดึง84โรงงาน84แรงงานเลิกเหล้า
เปิดงาน “เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา 84 โรงงาน 84 แรงงานเลิกเหล้า” หลังผู้ใช้แรงงานมีการดื่มสุรากันมาก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ เศรษฐกิจของคนงาน
ที่โรงแรมเอบีน่า เฮาส์ นายสมชาย วงษ์ทอง รองอธิบดีกรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน เป็นประธานเปิดงาน “เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา 84 โรงงาน 84 แรงงานเลิกเหล้า” โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมประกอบด้วย กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เครือข่ายการสร้างเสริมสุขภาพในสถานประกอบการ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทั้งนี้ประธานได้มอบรางวัลโรงงานต้นแบบ และเกียรติบัตรคนต้นแบบ รวมทั้งของที่ระลึก “ก้าวที่ 9 กับงานรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา” แก่สถานประกอบการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ประจำปี 2554 กว่า 26 จังหวัด
นายสมชาย กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาคุ้มครองแรงงาน ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน แรงงานสัมพันธ์ ตลอดจนสวัสดิการแรงงานและมาตรฐานแรงงานไทยเป็นอย่างมาก จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ปัจจุบันสถานประกอบการต่างๆ ให้ความสำคัญกับพนักงานผู้ใช้แรงงาน โดยมีการดำเนินกิจกรรมในการพัฒนานโยบาย ลด ละ เลิก เหล้า เพื่อให้กลุ่มแรงงานรวมพลังในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งขยายผลโครงการดังกล่าวไปยังโรงงานต่างๆ ที่ยินดีและมีความพร้อมในการสนับสนุนงานรณรงค์เรื่องดังกล่าวกับพนักงานในโรงงานของตนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สุขภาพดี และครอบครัวที่เป็นสุข ตลอดจนลดความสูญเสีย ในด้านต่างๆ ทั้งยังพัฒนารูปแบบโรงงานอุตสาหกรรมให้มีคุณภาพที่เป็นมาตรฐานยิ่งขึ้น
ด้าน ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันชัดเจนแล้วว่าแรงงานจำนวนมาก ซึ่งมีรายได้จำกัดอยู่แล้ว แต่กลับเสียค่าใช้จ่ายไปกับค่าน้ำเมามากกว่าสิ่งจำเป็นของลูกและครอบครัวมากมาย การจัดงานรณรงค์ในสถานประกอบการตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ที่มียุทธศาสตร์การพัฒนานโยบายลด ละ เลิก เหล้า เข้าสู่โรงงานสีขาวของกระทรวงแรงงาน เน้นการทำงานร่วมกับทุกฝ่าย จนเกิดเป็นโรงงานต้นแบบ ลด ละ เลิก เหล้า ใน 26 จังหวัด และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน อาทิ ปาร์ตี้ปีใหม่ไร้แอลกอฮอล์ เทศกาลสงกรานต์ การรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ตลอดจนงานเลี้ยงต่างๆ เพื่อสร้างกระแสสังคมให้ผู้ใช้แรงงานได้ตระหนักถึงปัญหาผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระตุ้นจิตสำนึกให้คนงานเกิดค่านิยมใหม่ไม่ดื่มเหล้า และเพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนงานและครอบครัว
“จากการที่ผู้ใช้แรงงานมีการดื่มสุรากันมาก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ เศรษฐกิจของคนงาน และยังไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ จึงเกิดการรณรงค์ภายในโรงงานขึ้น ทั้งนี้ จากข้อมูลของโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ พบว่า ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการขาดงาน และประสิทธิภาพในการทำงานลดลง เนื่องจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีมูลค่าประมาณ 45,000 ล้านบาท และที่สำคัญพบว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ดื่ม หรือเคยดื่ม และเลิกแล้ว ก็จะมีสถิติการขาดงานจากปัญหาสุขภาพ และมีประสิทธิภาพขณะทำงานต่ำกว่าผู้ที่ไม่ดื่มประมาณ 1.7-5.7% นอกจากนี้มีการเก็บข้อมูลจากโรงงานต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการพบว่า เกิดผลกระทบในด้านต่างๆ อาทิ ด้านเศรษฐกิจ คนงานต้องสูญเสียรายได้ไปกับการดื่มสุรามากกว่าเดือนละ 1,000 บาท รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ต้องกู้ยืมเงินนอกระบบ ส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นๆ ด้านสุขภาพร่างกาย มีการเกิดอุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท ด้านการทำงานไม่สามารถไปทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” ภก.สงกรานต์ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง