ไกลแค่ไหน ก็ใกล้ ด้วยหัวใจ “นับเราด้วยคน”
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
แฟ้มภาพ
พื้นที่แนวชายแดนของไทย ยังมีประชากรอีกจำนวนหนึ่ง ที่ยังไม่มีสิทธิในการรับบริการสุขภาพ เนื่องมาจากปัญหาสถานะบุคคลและอุปสรรคในการเข้าถึงบริการ ทั้งจากสาเหตุเรื่องที่อยู่อาศัยในพื้นที่ห่างไกล หรือผู้ให้บริการ เช่น โรงพยาบาล สถานพยาบาล ฯลฯ ที่ยังต้องเผชิญกับภาระงานและขาดแคลนงบประมาณในการดูแล แม้ว่าหลายฝ่ายจะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ความเป็นจริงในพื้นที่ยังประสบปัญหาขาดแคลนในหลายส่วน อาทิ ยาและเวชภัณฑ์ วัคซีนและเครื่องมือแพทย์สำหรับรักษาโรคเฉพาะพื้นที่
“โครงการมอบยาเพื่อสนับสนุนงานสาธารณสุขของโรงพยาบาล อำเภออุ้งผาง จังหวัดตาก และพื้นที่ใกล้เคียง” จึงก่อตัวขึ้นเพื่อเป็นอีกพลังเล็กๆในการหนุนเสริม ผ่านกิจกรรม “จิตอาสา รับบริจาคยา” ในการสร้างการมีส่วนร่วมและรับรู้งานสนับสนุนการสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพ
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เล่าให้ฟังว่า การทำงานของ สสส. ในการสนับสนุนกลุ่มประชากรเฉพาะ ทั้งผู้มีปัญหาสถานะบุคคลและแรงงานข้ามชาติดำเนินงานผ่านแผนงานสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ ซึ่งร่วมแก้ไขปัญหาอย่างมีระบบในการที่ประสานกับหน่วยงานของต่างๆรัฐหลายภาคส่วน เช่น กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย ในประเด็นของการรับรองสิทธิ์หรือการผลักดันให้เกิดกองทุนสุขภาวะตามแนวชายแดนต่างๆ และจากเป้าหมายของ สสส. ในการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพของทุกคนบนแผ่นดินไทย หมายรวมถึงประชาชนในประเทศ และประชากรกลุ่มเฉพาะบางส่วนที่มีความเปราะบางเรื่องสุขภาพ
“แต่การแก้ไขปัญหาตามบริบทพื้นที่ ความหลากหลายของกลุ่มประชากรและความต้องการพิเศษเฉพาะพื้นที่ นอกจากภาพรวมที่เราพยายามช่วยสนับสนุนการแก้ปัญหาให้เขามีสุขภาวะที่ดีขึ้น อีกส่วนหนึ่งเราได้ลงไปช่วยเหลือและเรียนรู้เข้าใจปัญหาในพื้นที่จริง อาทิ โครงการมอบยาเพื่อสนับสนุนงานสาธารณสุขของโรงพยาบาล อำเภออุ้งผาง จังหวัดตาก และพื้นที่ใกล้เคียง จากสาเหตุที่สถานพยาบาลแถบชายแดนมีปัญหาความไร้หลักประกันสุขภาพของผู้ป่วย ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎรในพื้นที่ จ.ตากกว่า 52,000 คน
สสส. จึงร่วมเป็นอีกหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนงานเชิงพื้นที่และเรียนรู้พื้นที่วัฒนธรรม ปัจจัยสังคม และความต้องการเฉพาะพื้นที่กับกลุ่มประชากรที่แตกต่างตามแนวชายแดน ซึ่งมีกิจกรรมร่วมกับโรงพยาบาลในการดูแลบุคคลเหล่านี้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ สสส. ยังเข้าไปร่วมเป็นจิตอาสาที่จะสัมผัสกับงานโดยตรง เพื่อต่อยอดให้เกิดความร่วมมือ และเข้าใจงานนำสู่การวางแผนดำเนินงานในส่วนงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต” ดร.สุปรีดา กล่าวทิ้งท้าย
จึงเป็นส่วนที่ทำให้เกิด “แผนงานสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ” ที่ ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ ผู้อำนวยการสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. ให้ข้อมูลว่า แผนงานสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. มุ่งเน้นการลดความแตกต่างด้านการเข้าถึงสิทธิและโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างมีสุขภาวะและไม่ถูกเลือกปฏิบัติจากความแตกต่างของลักษณะประชากร โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้ร่วมดำเนินการผ่านกระบวนการสื่อสารสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่สังคมภายใต้แนวคิด “นับเราด้วยคน”เพื่อสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อประชากรกลุ่มเฉพาะ อาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ การมุ่งเน้นของการมีตัวตน สะท้อนอัตลักษณ์ของกลุ่มคน และ การเชื่อมประสานการทำความดีร่วมกันด้วยงานจิตอาสา จากจุดเริ่มต้นนี้ นำมาสู่โครงการมอบยาเพื่อสนับสนุนงานสาธารณสุขของโรงพยาบาล อำเภออุ้งผาง จังหวัดตาก และพื้นที่ใกล้เคียง
"โครงการนี้เป็นความร่วมมือกับหน่วยงาน เริ่มจากการสำรวจและช่วยรวบรวมสิ่งที่พี่น้องตามแนวชายแดนยังขาดแคลน นั่นคือ ยารักษาโรค ทำให้ สสส.และภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรมรับบริจาคยาที่เหลือใช้ ซึ่งพบว่ามีผู้มีจิตเป็นกุศลร่วมบริจาคเป็นจำนวนมาก นำสู่กระบวนการคัดแยก รวบรวมจัดส่งผ่านความร่วมมือของเครือข่ายสุขภาพภายในของ สสส. ขยายสู่การเปิดรับอาสาสมัครภายนอก อาทิ ธนาคารจิตอาสา เครือข่ายเภสัชกรอาสา เครือข่ายมหาวิทยาลัย รวมทั้งประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ยาที่คัดทิ้งเป็นขยะประมาณ 500-700 กิโลกรัม ยังได้รับความร่วมมือจากองค์การเภสัชกรรมช่วยเหลือในการกำจัดยาหมดอายุแล้วตามวิธีการที่เหมาะสม“ถือเป็นผลสำเร็จของการขยายงานจากจุดเล็กเพียงการรับบริจาคและเชิญชวนจิตอาสาเกิดพลังขยายสู่ภาคีเครือข่ายและหลากหลายองค์กรที่เข้ามาร่วมเกิดเป็นงานสร้างเสริมสุขภาพผ่านงานจิตอาสากับประชากรกลุ่มที่แตกต่างในพื้นที่จริงในครั้งนี้” ดร.ประกาศิต กล่าวด้วยความยินดี
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวยังได้รับความร่วมมือจาก “กรมการขนส่งทหารเรือ” ในการช่วยลำเลียงยาและเวชภัณฑ์ไปยังโรงพยาบาล อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ด้านกรมการขนส่งทหารเรือทำงานกับ สสส. มาเป็นเวลา 10 กว่าปี เกี่ยวกับด้านสุขภาพกำลังพล เมื่อทางกรมฯ ทราบถึงโครงการที่เกิดขึ้น ก็ได้อนุเคราะห์และให้ความร่วมมืออย่างรวดเร็ว ด้วยการนำรถจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ไปยังโรงพยาบาล ซึ่งการจัดส่งยาแบ่งเป็น 2 ครั้ง และจำนวนยาทั้งหมดที่นำไปส่ง รพ. เป็นยาเม็ด 219 กล่อง ยาในบัญชียาหลัก 177 ยานอกบัญชียาหลัก 42 ยาน้ำและเวชภัณฑ์ 210 กล่อง โดยรวมแล้วประมาณ 2 ตู้คอนเทนเนอร์
กล่องยาจากทุกสารทิศ ที่หลั่งไหลมาสู่ สสส. เพื่อจะส่งผ่านไปยังโรงพยาบาลอุ้งผาง คือรูปธรรมที่แสดงให้เห็นแล้วว่า น้ำใจของคนไทยยังมีอยู่เปี่ยมล้น “นับเราด้วยคน” จึงจะไม่มีวันหยุดอยู่ที่ตรงไหน แต่จะยั่งยืนอยู่ต่อไป