ในวันที่เหล้าเริ่มทำลายเสียง นักพากษ์กีฬาชื่อดัง นพนันท์ ศรี…
‘นพนันท์ ศรีศร’ เชื่อว่าชื่อนี้คงคุ้นหูหลายคน แต่ถ้าได้ยินเสียงของเขาจะยิ่งร้องอ๋อ เพราะชายคนนี้คือผู้บรรยายกีฬาอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
แต่เมื่อถอยออกจากหลังไมค์ในฐานะกูรูด้านกีฬาคนหนึ่ง เขาก็คือผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่พยายามลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อเริ่มชีวิตดีให้กับตัวเอง
น้อยคนที่จะรู้ว่า แต่ก่อนคุณนพนันท์กินเหล้าแทบทุกคืนเป็นเวลากว่า 20 ปี ถ้าคุณกินเหล้ามายาวนานขนาดนี้ คิดว่าจะเลิกเหล้าได้ไหม…อย่าเพิ่งรีบตอบ แต่ลองฟังเรื่องราวของชายคนนี้ก่อน
“จริงๆ ผมเริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย เพราะต้องเข้าสังคม อยากไปกับเพื่อนก็ต้องดื่มตาม จนมาทำงาน อาชีพนี้ส่วนใหญ่ต้องทำงานกลางคืน ตั้งแต่ 3 ทุ่ม บางครั้งถึงเช้า ก็เลยต้องมีกินมีดื่ม เพื่อกระตุ้นให้อยู่ดึก เป็นวงจรชีวิตแบบนี้ตั้งแต่ พศ.2527 – 2550 กว่า 20 ปี”
เมื่อถามว่า ดื่มหนักแค่ไหน
“ไม่เมาไม่เลิก ต้องเต็มที่นะ”
การดื่มเหล้าเพราะคิดว่า ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายกระฉับกระเฉง คิดว่าทำให้บรรยากาศสนุกขึ้น หรือคิดว่า ช่วยให้คลายเครียด คือสิ่งที่เรามักได้ยินจากเหล่านักดื่มในการหาเหตุผลให้กับการดื่ม แต่แท้จริงแล้ว ความอยากดื่มล้วนเกิดจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ส่งผลต่อสมอง เพราะแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นสมองให้หลั่งสารเคมีแห่งความสุขที่เรียกว่า “โดปามีน” เมื่อสมองหลั่งสารนี้ออกมามากจนผิดธรรมชาติ จนทำให้รู้สึกมีความสุขมากกว่าปกติ สมองก็จะปรับตัวโดยการลดการหลั่งสารนี้ลง เมื่อหมดฤทธิ์แอลกอฮอล์ สมองก็ขาดสารโดปามีน ทำให้เกิดอาการหงุดหงิด ซึมเศร้า เกิดความอยากดื่มขึ้นมาอีก จนกลายเป็นวงจรที่ทวีความรุนแรงของความอยากมากขึ้นๆ
แต่สำหรับคุณนพนันท์กลับไม่ยอมให้เหล้าเข้ามาควบคุมชีวิตมากเกินไปกว่านี้ เขาเริ่มสังเกตเห็นถึงภัยจากเหล้าที่เริ่มเข้ามาคุกคาม
“สุขภาพเริ่มแย่ โรคสารพัดรุมเร้า ทั้งไมเกรน ไซนัส มีหนองไหลจากจมูก ความดันก็มา ที่สำคัญโรคพวกนี้กระทบต่อการทำงาน เพราะเราทำอาชีพที่ต้องใช้เสียง เหล้าบุหรี่นี่ตัวทำลายเสียงเลย ผมเลยคิดว่า ทำไมจะเลิกไม่ได้ ถึงเวลาต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว…
อีกอย่างตอนนั้นพอเห็นเพื่อนที่ยังเที่ยวยังดื่ม ก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า อยากให้ชีวิตของตัวเองในแต่ละวันจบแบบนี้เหรอ ทำไมไม่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ เลยมีเป้าหมายขึ้นมาว่า อยากวิ่งมาราธอนให้ได้ ก็เลยตัดสินใจเลิกดื่ม”
สำหรับคนที่ดื่มเหล้าหนักมาอย่างยาวนาน การเลิกดื่มเหล้าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอาจเกิดภาวะ Alcohol Withdrawal หรือภาวะถอนพิษสุรา เมื่อหยุดดื่มหรือลดปริมาณการดื่มลงอย่างฉับพลัน อาจมีอาการวิตกกังวล คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย และอาจถึงขั้นรุนแรงอย่างชักหรือประสาทหลอน ที่ต้องไปพบแพทย์ทันที
แม้คุณนพนันท์จะไม่มีปัญหาดังที่กล่าวมา และสามารถใช้วิธีหักดิบได้สำเร็จ แต่ก็ใช่ว่า จะเอาชนะเหล้าได้ง่ายๆ
“ช่วงแรกใจก็หวิวๆนะ เพราะเคยชินมา อยากกลับไปกินเหมือนกัน แต่ก็พยายามไม่คิดถึงมัน หันไปจดจ่อกับอย่างอื่น ไปออกกำลังกายแทน”
ปัจจุบันใครจะเชื่อว่า ในวัย 60 คุณนพนันท์จะออกกำลังกายสัปดาห์ละอย่างน้อย 5 วัน วันละ 4-5 ชั่วโมง
“ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปเลย มีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น ได้เขียนหนังสือ ไปเที่ยว ได้ทำสิ่งที่ชอบ ที่สำคัญคือตื่นเช้าขึ้น ได้ตื่นมาออกกำลังกาย ทำสวน”
ก่อนจากกัน คุณนพนันท์ได้ฝากข้อความถึงคนที่อาจกำลังท้อ รู้สึกว่ายังแพ้ ไม่สามารถลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้
“ทุกคนเคยผ่านช่วงเวลาแพ้กันทั้งนั้น แต่เราจะเปลี่ยนให้ชนะได้ยังไง ใจสำคัญที่สุด ต้องมั่นใจ ต้องเชื่อว่า ตัวเองทำได้ อย่างบุหรี่ ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะเลิกได้ ส่วนเหล้า ก็ยังมีเพื่อนชวน มีสิ่งยั่วเหย้าอยู่ตลอด แต่ถ้าตัดให้ขาด เราก็ทำได้ หรือออกกำลังกาย แรกๆ ผมก็ไม่ไหว ท้อ ทำไมทำไม่ได้ แต่สุดท้ายก็เจอวิธี ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ถ้าใจแข็งพอ ไม่มีอะไรทำไม่ได้”
เป้าหมายของการมีชีวิตที่ดีของแต่ละคนอาจมีเส้นทางแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันทุกคนก็คือ จุดเริ่มต้น…ที่เริ่มจากตัวเราเอง สสส.ขอเป็นคนหนึ่งที่จะพร้อมยืนอยู่ตรงจุดเริ่มของทุกคน และคอยเป็นกำลังใจให้ตลอดเส้นทางจนถึงจุดหมาย
หากคุณพร้อม เราไปด้วยกัน
สนใจข้อมูลดีๆ ที่จะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมาย ติดตามได้ที่ https://bit.ly/2lIXAdS และ https://www.thaihealth.or.th/livehealthier