โรคเปลี่ยนตามโลก

แพทย์ชี้ เซ็กส์ ปัจจัยอันดับหนึ่งที่ทำให้คนไทยป่วย

โรคเปลี่ยนตามโลก

          เกี่ยวกับเรื่องของสถิติ หรือ ตัวเลข สะสมที่ได้มีการทำอย่างต่อเนื่องแล้วนำมาเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างต่อกัน เป็นที่นิยมทำกันอย่างขว้างขวางมากขึ้น เราจึงมักจะได้พบสถิติแปลกๆใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

 

          โดยเฉพาะสถิติเกี่ยวกับความตายของมนุษย์ ในแต่ละช่วงเวลามักจะมีการทำลายสถิติ หรือพบสถิติที่แปลกแยกออกไปเรื่อยๆตามแต่วิกฤติของสังคม

 

          ล่าสุดได้มีการสำรวจสถิติ เกี่ยวกับอาการป่วยและอาการตายของมนุษย์เกิดขึ้นอย่างจริงจัง พบว่า สถิติในเรื่องของ ความป่วยและความตายนั้น แต่เดิมเคยเป็นของวิกฤติแห่งเหล้าและบุหรี่

 

          แต่พอมาถึงวันนี้ สถิติความป่วยและความตายได้เปลี่ยนแปลงจากเหล้าและบุหรี่ มาเป็นอย่างอื่น แบบที่หลายคนคิดไม่ถึงทีเดียว

 

          สถิติ ความป่วยและความตายที่เกิดขึ้นมาใหม่ ที่กลายเป็นอันดับหนึ่งสุดยอดแห่งสถิติ คือ ความป่วย และความตายของมนุษย์เกิดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งจาก เรื่องเซ็กส์

 

          พูดมาอย่างนี้มิใช่จะหมายถึงว่า คนเดี๋ยวนี้นิยมตายบนอกมากขึ้น อย่างที่ชาวเขาเขาชอบพูดกันว่า “ตาย-บน-อก ดีกว่า ตก-เขา-ตาย” แต่อาการตายเพราะเซ็กส์ตามสถิตินี้ เขาหมายถึง เกิดจากวิกฤติของ “เซ็กส์ไม่ปลอดภัย”

 

          “แล้วเจ้าเซ็กส์ไม่ปลอดภัย”ที่ว่านั้นมันหมายความว่าอย่างไร คงจะต้องมาหาคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ

 

          นพ.วิชัย โชควิวัฒ รองประธานคนที่ 2 สสส. กล่าวว่า การศึกษาของกระทรวงสาธารณสุขชี้ชัดว่า เพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย คือปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งที่ทำให้คนไทยป่วย ตามด้วย บุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งปัญหาใหญ่ที่สุดคือ “เอดส์” แม้ไทยจะพ้นวิกฤติแล้ว แต่ปัญหายังไม่หมด กลุ่มประชากรที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ มีความเปลี่ยนแปลงตลอดช่วง 10-20 ปี ที่ผ่านมา ปี 2533 กลุ่มเสี่ยงคือผู้ชายที่ซื้อบริการทางเพศ ปี 2543 คือ กลุ่มแม่บ้านที่ติดจากสามี และคาดการณ์ว่า ปี 2553 กลุ่มเสี่ยงมากที่สุด คือ กลุ่มชายรักชาย

 

          “ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากพฤติกรรม และลักษณะทางสังคมที่เปลี่ยนไป เพราะ มีสิ่งยั่วยุดึงเข้าสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย แต่ทัศนคติเรื่องเพศของสังคมไทยไม่เคยเปลี่ยน ไม่เคยส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดีทางเพศ สสส.โดยแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ จึงมียุทธศาสตร์จะรื้อค่านิยมทางเพศ เน้นการให้ความรู้ความเข้าใจ ประสาน 3 ฝ่าย คือ สร้างและจัดการความรู้ การเคลื่อนไหวทางสังคม และขับเคลื่อนนโยบาย แม้เป็นงานที่ท้าทาย เพราะเรื่องเพศเป็นประเด็นร้อนเหมือนการเล่นกับไฟ แต่นี่คือปัจจัยสำคัญที่จะป้องกันแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง” นพ.วิชัย กล่าว

 

          อีกท่านหนึ่งคือ น.ส.ญาณาธร เจียรรัตนกุล ผู้วิจัยเรื่อง “คำถามยอดฮิตในคอลัมน์ถามตอบเรื่องเพศ” กล่าวว่า การศึกษาคำถามตอบ จากคอลัมน์ตอบปัญหาทางเพศในสื่อย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2546-2550 ในสื่อ 3 ประเภท 6 สื่อ คือ 1.หนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ 2.นิตยสาร 2 เล่ม 3.อินเตอร์เน็ต 2 เว็บไซต์ พบเพศหญิงจะสอบถามปัญหามากกว่าเพศชาย ทั้งนี้รวมคำถามได้ 4,409 ข้อ คำถามที่พบมากที่สุด คือ 1.เพศสัมพันธ์ 25% 2.อนามัยเจริญพันธุ์ 18% 3.อวัยวะเพศหญิง 18% 4.ความสวยงาม 16% และ 5.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่น่าจะเป็นความรู้ที่สำคัญที่สุด กลับมีผู้ถามเพียง 5% เท่านั้น

 

          “คำถามที่เพศหญิงถามมากที่สุด 5 กลุ่มแรก คือ 1.อวัยวะเพศหญิง เช่น ประจำเดือน ตกขาว มีกลิ่น2.อนามัยเจริญพันธุ์ วิธีการคุมกำเนิด แบบไหนท้องไม่ท้อง หลั่งข้างนอกจะท้องหรือไม่ 3.ความสวยงาม เช่น อ้วน-ผอม ดำ-ขาว 4.เพศสัมพันธ์ อาทิ ความต้องการมากหรือน้อยไป เรื่องจุดสุดยอด ท่วงท่าในการร่วมเพศ 5.สังคมวัฒนธรรม เช่น พรหมจรรย์ วิธีปฏิเสธไม่อยากมีเพศสัมพันธ์

 

          ส่วนกลุ่มคำถามที่เพศชายถามมากที่สุด 4 กลุ่มแรก คือ 1.เพศสัมพันธ์ เช่น สมรรถภาพและความต้องการ 2.อวัยวะเพศชาย ขนาดใหญ่หรือเล็ก การฝังมุก การขลิบ และรูปร่าง 3.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 4.การช่วยตัวเองแค่ไหนจึงเหมาะสม”

 

          น.ส.ญาณธร ยังได้กล่าวอีกว่า การสอบถามปัญหาเพศผ่านสื่อเท่าที่ปรากฏหลักฐาน เริ่มในนิตยสารตั้งแต่ปี 2431 หรือ 120 ปี ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันแนวคำถามยังคล้ายเดิม สะท้อนว่าประชาชนไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพียงพอ ทั้งที่ส่วนใหญ่เป็นความรู้พื้นฐาน ที่จะป้องกันตนเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และผู้ที่เข้ามาสื่อสารผ่านสื่อเป็นเพศหญิงมากกว่าชาย แสดงว่าเพศชายมีพื้นที่สื่อสารเรื่องเพศมากกว่าหญิง เพศหญิงจึงต้องแอบซ่อนหาความรู้ผ่านสื่อ เพราะไม่ต้องแสดงตัวตน ซึ่งสังคมต้องร่วมกันทบทวนวิธีการให้ความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอ ที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง

 

          ด้วยเหตุนี้เอง ความเข้าใจในเรื่องของเพศ ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตตามธรรมชาติของมนุษย์ในการสืบพันธุ์จึงกลายเป็นเรื่องที่ ยังไม่กระจ่างแจ้งในหมู่ของผู้ที่ยังไม่ค่อยได้ศึกษา หรือศึกษาแบบหลบๆซ่อนๆ

 

          ซึ่งคนประเภทนี้แหละที่กลายเป็นเหยื่อทางเพศอันไม่ปลอดภัย จนทำให้สถิติการตายเพิ่มมากขึ้นจนยกระดับตัวเองให้กลายเป็น อันดับหนึ่งของความตาย

 

          ในเมื่อประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกายังเปลี่ยนผู้นำคนใหม่ได้อย่างคาดไม่ถึง ทำไมสถิติมันจะเปลี่ยนอย่างคาดไม่ถึงได้เช่นกัน จริงม๊ะ

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

 

 

Update 12-11-51

Shares:
QR Code :
QR Code