แพทย์ห่วงใช้พลาสติกเลี้ยงเด็ก

เสี่ยงมะเร็ง-เบี่ยงเบนเพศ

 

แพทย์ห่วงใช้พลาสติกเลี้ยงเด็ก

           

            โรงพยาบาลเด็กห่วง พ่อแม่ใช้ภาชนะพลาสติกเลี้ยงเด็ก เสี่ยงมะเร็ง แถมเด็กมีสิทธิ์เบี่ยงเบนทางเพศ แถมเป็นหมันในเพศชาย เพราะสารจะไปรบกวนระบบฮอร์โมน หมอชี้ต่างประเทศหันใช้ขวดนมพลาสติกชนิดใหม่ “5 pp” ทนความร้อนได้ดีกว่า แต่ไทยยังพบไม่มากในท้องตลาด

 

            ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) เมื่อวันที่ 23  ก.ย. มีการเปิดเผยผลการศึกษาพฤติกรรมการใช้ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหาร  ในโครงการอาหารปลอดภัย เด็กไทยพ้นภัยสารพิษพลาสติก พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า  ปัจจุบันสารพิษในพลาสติกยังไม่ถูกมองว่าเป็นปัญหาหลักของระบบสาธารณสุข  แต่ทางสถาบันฯ เห็นว่าสารพิษในพลาสติกมีความสำคัญสำหรับเด็กไทย เพราะพลาสติกถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น  และหากภาชนะพลาสติกที่มาบรรจุอาหารและน้ำดื่มให้กับเด็กด้วย วิธีการที่ไม่ถูกต้องและปลอดภัยจะส่งผลให้เกิดการสะสมของสารพิษต่างๆ  ทำให้เด็กไทยมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ  โดยเฉพาะโรคมะเร็งในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ทารก และเด็กเล็ก

 

          พญ.นัยนา  ณีศะนันท์ กุมารแพทย์ หน่วยกุมารเวชศาสตร์สังคม สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี  ในฐานะหัวหน้าโครงการอาหารปลอดภัย เด็กไทยพ้นภัยสารพิษพลาสติก กล่าวว่า ใน ประเทศไทยยังไม่เคยมีประเด็นศึกษา ด้านสุขภาพในเรื่องสารพิษจากพลาสติก ที่สำคัญจากข้อมูลการศึกษาพบว่า พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กยังขาดความรู้ความเข้าใจในการเลือกซื้อ วิธีการใช้งานภาชนะพลาสติกแต่ละประเภทที่ถูกต้องและปลอดภัย

 

          พญ.นัยนา ชี้แจงว่า พลาสติกแต่ละชนิดหากนำไปใช้อย่างผิดวิธีจะทำให้สารเคมีต่างๆ ปนเปื้อนในอาหาร เช่น  สาร bpa ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในการผลิตพลาสติกชนิดแข็งใสที่เรียกว่า โพลีคาร์บอเนต เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตขวดนมสำหรับเด็ก เมื่อถูกความร้อนจากการต้มขวดนมจะทำให้สาร bpa ละลายออกมาปนเปื้อนในอาหาร  โดยศูนย์พิษวิทยาแห่งชาติ (nip) ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริการะบุว่า  สารชนิดนี้จะส่งผลต่อระบบประสาทพัฒนา การของทารกในครรภ์ เด็กทารก และเด็กเล็กได้ และอาจเป็นสาเหตุก่อมะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งเต้านมได้ นอกจากนี้ มีการทดลองในสัตว์ทดลองพบว่า สาร bpa มีลักษณะเป็นตัวรบกวนฮอร์โมน ทำให้ฮอร์โมนทางเพศในร่างกายเกิดความสับสน อาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศสำหรับเด็กรวมถึงการสืบพันธุ์ เนื่องจาก ในสัตว์ทดลองที่ได้รับสาร bpa เป็นระยะเวลานานทำให้ฮอร์โมนเพศชายลดลง

         

ด้าน พญ.รัชดา เกษมทรัพย์ กุมารแพทย์ หน่วยกุมารเวชศาสตร์สังคม ในฐานะเลขานุการโครงการฯ กล่าวว่า ผลสำรวจบุคลากรทางการแพทย์ภายใน สถาบันฯ  พ่อแม่ผู้ปกครองที่มารับบริการ ในสถาบันโดยใช้แบบสอบถามจำนวน 200 ชุด พบว่า ร้อยละ 80 มีการใช้กล่องโฟมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ขณะที่ร้อยละ 60 รับประทานอาหารแช่แข็งที่ต้องอุ่นด้วยไมโครเวฟอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แม้ว่าภาพรวมร้อยละ 85 มีพฤติกรรมต่อการเลือกใช้ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารในระดับดี แต่เนื่องจากพฤติกรรมที่คนใช้ชีวิตเร่งรีบ คนส่วนใหญ่แม้รู้ แต่ไม่ได้ตระหนักในการเลือกใช้ภาชนะพลาสติกอย่างถูกวิธี อย่างเช่น โฟมที่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่ามีสารก่อมะเร็ง ไม่ควรนำมาใช้ใส่ของร้อน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรใช้ถุงร้อนลองก่อนใส่อาหาร ส่วนขวดนมเด็กที่มีขายในท้องตลาดพบว่า เป็นพลาสติก 7 ที่ทนความร้อนและแรง กระแทกได้สูง แต่ในประเทศยุโรป อเมริกา เลิกใช้พลาสติกชนิดนี้ผลิตขวดนมเด็ก แล้ว แต่จะใช้พลาสติก 5 pp ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดใหม่ที่ทนความร้อนได้ดีกว่าแทน แต่ราคาค่อนข้างสูงกว่า

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

 

update: 24-09-53

อัพเดทเนื้อหาโดย: ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน

 

Shares:
QR Code :
QR Code