แพทย์พบผู้ป่วยรูมาตอยด์ 2แสนคน

เผยหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกอาจพิการได้

 แพทย์พบผู้ป่วยรูมาตอยด์ 2แสนคน

          ศ.พ.ญ.รัตนาวดี ณ นคร นายกสมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย เปิดเผยในงานสัมมนา “อยู่อย่างเป็นสุขกับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์” ว่าสถานการณ์โรครูมาตอยด์ในไทยพบอุบัติการณ์อย่างน้อย 3 คนต่อประชากร 1,000 คน โดยคาดการณ์ว่ามีผู้ป่วยในประเทศประมาณ 2 แสนคน ในช่วงอายุ 20-40 ปี ซึ่งเป็นวัยทำงาน พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย 4 เท่า ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะทำให้เกิดการทำลายข้อ กระดูก กระดูกอ่อนผิวข้อ และส่วนประกอบอื่นๆ ของข้อ ทำให้เกิดข้อพิการหรือผิดรูปได้ นอกจากอาการทางระบบข้อแล้ว ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแสดงนอกระบบข้อได้ด้วย เช่น ตาบอด เป็นต้น

 

          “ในอดีตเมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว คนที่ป่วยโรครูมาตอยด์กว่าครึ่งหนึ่งต้องออกจากงานเพราะความพิการปัจจุบันตรงกันข้าม เนื่องจากวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ก้าวหน้าไปมาก ตอนนี้เรารู้วิธีการรักษา ทำให้โรคสงบ ผู้ป่วยจะเหมือนคนปกติทุกอย่าง” ศ.พ.ญ.รัตนาวดีกล่าว

 

          ทั้งนี้ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคเรื้อรังและรักษาไม่หาย เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยได้รับความทรมานจากอาการปวด บวม ที่ข้อ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า ข้อศอก ข้อเข่า โดยเฉพาะในช่วงตื่นนอนตอนเช้า และจะเคลื่อนไหวลำบาก มีสาเหตุทั้งจากพันธุกรรมและปัจจัยจากตัวผู้ป่วยเอง เช่นฮอร์โมนเพศหญิง รวมทั้งสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น การติดเชื้อไวรัส การดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การสูบบุหรี่และอาการเครียด

 

          น.พ.สูงชัย อังธารารักษ์ อายุรแพทย์โรคข้อ โรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า อาการเด่นของโรครูมาตอยด์คือ มีอาการปวดข้อ อักเสบ บวม ขยับข้อแล้วเจ็บ มักเป็นบริเวณโคนนิ้วมือและข้อแรกของมือและเป็นข้ออักเสบแบบสมมาตรหรือเป็นในจุดเดียวกันทั้งซ้ายและขวา โดยจะมีอาการเริ่มต้นจากการยึดตึงตามข้อนิ้วหรือข้อมือหลังตื่นนอนนานเกิน 1 ชั่วโมง หรือเป็นนานกว่า 6 สัปดาห์ “ในการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หากรู้ตัวแล้วรีบรักษาก็มีโอกาสหายขาดได้ โดยการใช้ยารับประทานจะรักษาได้ระดับหนึ่ง ในกรณีที่มีอาการรุนแรง รักษาไม่หายเพราะมีอาการดื้อยา แพทย์จะใช้ยาขนาดสูงขึ้นเพื่อการรักษาที่ดีขึ้นและทำให้โรคสงบ แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ผู้ป่วยที่ไปซื้อยาเองโดยไม่พบแพทย์ จะได้รับยาสเตียรอยด์ซึ่งส่งผลข้างเคียงรุนแรง” น.พ.สูงชัยกล่าว

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

 

 

update: 29-07-51

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code