แนะหลังน้ำลดเร่งทำความสะอาดบ้าน กำจัดเชื้อราภายใน 48 ชม.
สธ.แนะหลังน้ำลดควรทำความสะอาดพื้นและผนังโดยการขัดล้างให้เร็วที่สุดภายใน 24-48 ชั่วโมง เพื่อกำจัดเชื้อรา จุดที่เชื้อรามักขึ้น ได้แก่ ใต้พื้น บริเวณฝ้าเพดาน ใต้วอลเปเปอร์ ด้านแพทย์ชี้กลุ่มที่เสี่ยงแพ้เชื้อราได้แก่ผู้มีโรคประจำตัว โรคภูมิแพ้ ระหว่างทำความสะอาดให้สวมอุปกรณ์ป้องกันได้แก่ รองเท้าบูต ถุงมือยาง หน้ากากอนามัย ส่วนเสื้อผ้าที่จมน้ำ ก่อนนำมาใส่ให้ต้มฆ่าเชื้อก่อน
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหาตามมาหลังน้ำท่วมที่สำคัญก็คือเชื้อราจะขึ้นตามที่ต่างๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคต่อคนและสัตว์เลี้ยง ในการทำความสะอาดอาคารที่มีน้ำท่วมขัง นอกจากการล้างทำความสะอาดและเก็บกวาดสิ่งสกปรกแล้ว ควรสำรวจบริเวณบ้านหรือสถานที่ที่น้ำท่วมด้วย หากมีน้ำท่วมขังนานกว่า 2 วันขึ้นไปจะมีโอกาสเกิดเชื้อราขึ้นได้ แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ตาม จุดที่มักมีเชื้อราขึ้นและซ่อนอยู่ ได้แก่ ใต้พื้น บริเวณฝ้าเพดาน ท่อน้ำที่มีการรั่วซึม ใต้วอลเปเปอร์ โดยเฉพาะวัสดุบุผนังที่เป็นไวนิล (vinyl) จะแห้งแต่ภายนอกเท่านั้น แต่จะเก็บกักความชื้นไว้ข้างใต้ ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า เชื้อราจะมีผลต่อสุขภาพหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณของเชื้อและระยะเวลาที่สัมผัสกับเชื้อ ถ้ามีการเจริญของเชื้อมาก และบุคคลที่ปฏิบัติงานอยู่ภายในห้อง ต้องสัมผัสกับเชื้อหรือสปอร์ของเชื้อราเป็นเวลานาน หากเป็นบุคคลที่สุขภาพแข็งแรงจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นภูมิแพ้อยู่แล้วจะมีอาการแพ้เชื้อราได้ เช่น โพรงจมูกอักเสบ หรือ เยื่อจมูกอักเสบ ระคายเคืองที่นัยน์ตา หายใจแรง มีอาการหอบหืด เป็นต้น และหากเป็นผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ ประจำตัวอยู่แล้ว เช่นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคโลหิตจาง จะมีความเสี่ยงติดเชื้อและก่อโรคซ้ำซ้อนได้
วิธีการสังเกตว่าเชื้อราหลังน้ำท่วมหรือไม่นั้น อาจดูด้วยตาเปล่า เช่น ดูที่รอยเปื้อนที่ผนัง และจากกลิ่นโดยกลิ่นเชื้อราเป็นกลิ่นเหม็นอับทึบ หรือเหม็นคล้ายกลิ่นดิน หากสงสัยว่ามีเชื้อรา ให้ปฏิบัติดังนี้ 1.สิ่งของใดที่ไม่สามารถกำจัดเชื้อราได้หมด ให้ทิ้งไปเลย โดยเฉพาะวัสดุที่มีรูพรุน ไม่สามารถชะล้างและทำให้แห้งได้ จะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา โดยเชื้อราที่ตายแล้ว (dead mold) อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ได้
2.พื้นบ้าน เครื่องเรือน เครื่องไม้ เครื่องมือ เตาอบ ผนังบ้าน สามารถใช้น้ำยาประเภทล้างครัวเรือน ผนังห้องน้ำได้ เพื่อขจัดเอาเชื้อโรค เชื้อราที่ฝังตัวออกไป 3.สิ่งของที่ทำด้วยผ้า เช่น เสื้อผ้าที่จมน้ำท่วม หลังซักล้างแล้วให้นำมาต้มฆ่าเชื้อก่อนนำมาใช้ 4.จาน ชาม ช้อน ให้ล้างด้วยน้ำยาล้างจานใหม่ทั้งหมด 5.ให้ทำความสะอาดพื้นและผนัง โดยการขัดล้างให้เร็วที่สุด ภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังน้ำลด ระหว่างทำความสะอาดให้เปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ และเปิดพัดลมเพื่อช่วยให้แห้งโดยเร็ว ระหว่างทำความสะอาด ให้สวมอุปกรณ์ป้องกันการสัมผัสสูดดม ได้แก่ รองเท้าบูตยาง ถุงมือยางสำหรับทำงานบ้าน แว่นป้องกันตา และหน้ากากอนามัย เมื่อขัดล้างเสร็จแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง หรืออาจใช้ไฟสปอร์ตไลท์ส่องเพื่อช่วยให้แห้งเร็วขึ้น ทั้งนี้หากพบว่ามีเชื้อราฝังแน่นตามผนัง ไม่สามารถขัดล้างออกได้ ควรเปลี่ยนใหม่ ไม่ควรทาสีทับ และหากเป็นห้องที่มีเครื่องปรับอากาศควรล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศไปพร้อมกันด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์astvผู้จัดการ