แฉ SMS ชิงรางวัล เข้าข่ายการพนัน
วงเสวนา แฉ SMS ชิงรางวัล เข้าข่ายการพนัน ดูดเงินประชาชน ชี้ 90% ไม่เคยได้รางวัล แต่รายการทีวี-ค่ายมือถือรวยอื้อฟันกำไรหลายหมื่นล้านต่อปี เพราะแหกกฎ-ไร้การตรวจสอบ เผยเยาวชนตกเป็นเหยื่อโดยตรง ถูกกระตุ้นให้ติด-เสี่ยงโชคตั้งแต่เด็กโตเป็นผีพนัน แนะออกกฎหมายควบคุม กำหนดอายุผู้เข้าร่วมเสี่ยงโชคพร้อมเสนอพรรคการเมืองกำหนดเป็นนโยบายหาเสียง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 พ.ค. ที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ในงานเสวนา “แนวทางการปกป้องเด็กและเยาวชนจากสถานการณ์การเสี่ยงโชคผ่านข้อความสั้นทางโทรศัพท์มือถือ (SMS)” จัดโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน มูลนิธิเครือข่ายครอบครัวและมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ โดย น.ส.จุฑิมาศ สุกใส นักวิจัยโครงการการสำรวจสถานการณ์การเสี่ยงโชคผ่านข้อความสั้นทางโทรศัพท์มือถือ (SMS) กล่าวว่า การเสี่ยงโชคผ่าน SMS ถือว่าเป็นสิ่งที่ใช้ทดแทนการพนัน ซึ่งจะพบว่า ในประเทศที่ไม่มีการเปิดโอกาสให้เล่นการพนันผู้ประกอบการจะหาทางเลี่ยงกฎหมาย โดยใช้วิธีนำเสนอการเสี่ยงโชคในรูปแบบต่างๆ เช่น การเล่นเกมทางทีวี โดยการตอบคำถามชิงรางวัลทาง SMS หรือการดาวน์โหลดเพื่อลุ้นรางวัล รวมไปถึงรายการข่าว ละคร รายการกีฬาทางสถานีโทรทัศน์ ช่องต่างๆ ที่ให้ผู้ชมร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อแลกรับของรางวัล ส่ง SMS เสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 6 บาท และ 3 บาท ทั้งหมดล้วนเข้าข่ายการพนันทั้งสิ้น ดังนั้นการเสี่ยงโชคทาง SMS จึงเป็นช่องทางที่เข้าถึงง่าย ติดง่าย เเต่ตรวจสอบเเละป้องกันยาก ทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินจำเป็น โดยเฉพาะเด็ก เยาวชนจะเกิดการเสพติดในการเสี่ยงโชค ติดการพนันตั้งเเต่เด็ก หรือเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ติดการพนันในอนาคต
น.ส.จุฑิมาศ กล่าวว่า การเสี่ยงโชคทางโทรศัพท์มือถือที่ส่งข้อความให้ผู้บริโภคร่วมสนุกชิงรางวัลทาง SMS พบว่าผู้ให้บริการหลายราย ให้ข้อมูลไม่เพียงพอ เช่น เเจ้งว่าข้อความละ 6 บาท เเต่ไม่เเจ้งโดยเปิดเผยว่าต้องเสียค่าบริการทั้งรับเเละส่งข้อความหรือการส่งลิ้งค์ให้ดาวน์โหลดเนื้อหา ทำให้เสียค่าอินเทอร์เน็ตบนมือถือเเละค่าดาวน์โหลด ใช้ข้อความจูงใจให้สมัครบริการที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงของบริการที่เสนอขาย ล้วนเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคทั้งสิ้นแนวทางแก้ปัญหาควรควบคุมเนื้อหาด้านการเสี่ยงโชค โดยตรงกำหนดอายุผู้เข้าร่วมเสี่ยงโชค มีคำเตือนมีการขออนุญาตก่อนเปิดให้บริการการประมูลทางโทรศัพท์ SMS หรืออินเทอร์เน็ต และควรมีการออกกฎหมายเพื่อให้ผู้รับยินยอมก่อนรับข้อความ ผนวกเข้าในกฎหมายที่ควบคุมการพนัน
นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) กล่าวว่า ช่องทางตรวจสอบถือว่าทำได้ยาก เนื่องจากผู้ใช้ระบบโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่เป็นแบบเติมเงิน หากเป็นเด็กและเยาวชนที่ส่ง SMS เข้าข่ายการพนัน แต่ผู้ปกครองก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ ต้องเสียเงินและมักไม่ได้รับของรางวัล อีกทั้งปัจจุบันมีรายการโทรทัศน์ วิทยุ ที่จัดรายการชิงโชคของรางวัลเข้าข่ายผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก เช่น รายการเล่าข่าวที่ให้ผู้ชมร่วมสนุกตอบคำถามซึ่งที่ผ่านมามีการร้องเรียนจากประชาชน
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องมีการขออนุญาตกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตาม พ.ร.บ.การพนัน และแม้จะได้รับใบอนุญาตแล้วจะต้องมีการประกาศข้อความบนหน้าจอโทรทัศน์ว่าได้รับอนุญาต และมีเลขทะเบียนตามกฎหมายแล้ว แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีรายการใดปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้มงวดเรื่องการบังคับใช้กฎหมายมากกว่านี้ โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่กำลังหาเสียง ควรมีการกำหนดเป็นนโยบายว่ามีแผนจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร
นายไพศาล ลิ้มสถิตย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.มีหน้าที่ดูแลผู้ประกอบการที่ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือต่างๆ ไม่ให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งหากพบว่าค่ายมือถือต่างๆ ร่วมกับผู้จัดรายการโทรทัศน์ หรือ วิทยุ ฯลฯ ที่มีลักษณะเข้าข่ายการพนันเอาเปรียบผู้บริโภค ก็สามารถดำเนินการ ตักเตือนหรือสั่งระงับการดำเนินการได้ สำหรับรายการโทรทัศน์ที่จัดรายการส่ง SMS ชิงรางวัล เข้าข่ายการพนัน จะต้องได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.การพนัน โดยต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ที่กำหนดไว้ตั้งแต่หลักเกณฑ์ของการชิงโชคระยะเวลาเปิดรับและสิ้นสุด ซึ่งจะต้องมีการระบุเป็นภาพและเสียงไว้อย่างชัดเจน
“รายการทีวี ส่วนใหญ่จะมีการขออนุญาตตาม พ.ร.บ.การพนัน แต่มีอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ขออนุญาต โดยเฉพาะการพนันตามอินเทอร์เน็ตและพบว่ารายได้จากการให้ส่ง SMS ชิงโชคสามารถสร้างกำไรให้กับผู้ประกอบการและค่ายมือถือต่างๆ ได้หลายหมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่การตรวจสอบควบคุมทำได้ยาก ขาดกลไกในการเฝ้าระวังป้องกัน ดังนั้นหากพบว่ามีกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหลอกลวงผู้บริโภคให้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีต่อไป” นายไพศาล กล่าว
ด้าน นายอัมมัน โอชา นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิต ชั้นปีที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการเสี่ยงโชคทาง SMS กล่าวว่า ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ตนก็เริ่มเล่นเสี่ยงโชคผ่านทาง SMS โดยเริ่มจากการอยากลอง อยากเสี่ยงโชค และมีเวลาว่างจากการเรียน ที่สำคัญรางวัลที่นำมาล่อตาล่อใจก็เป็นสิ่งที่อยากได้ ซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดว่าการเสี่ยงโชคแบบนี้จะทำให้ติด แต่เมื่อมีผลกระทบเกิดขึ้นกับตัวเอง เช่น หงุดหงิด โมโห อารมณ์ฉุนเฉียวเพื่อนห้ามไม่ได้ จึงทำให้รู้ว่าเป็นอาการของการติดพนัน ส่วนค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการเล่น จะอยู่ที่วันละ 50 บาท อย่างไรก็ตามอยากฝากไปถึงคนที่เล่นพนันทาง SMS ให้เลิกเล่น เพราะ 90% พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้รางวัลแน่นอน
ที่มา : สำนักข่าว สสส.