‘เสียงเล็กๆ จากเด็กถูกเท’ สะท้อนปัญหาชีวิตเยาวชน
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
แฟ้มภาพ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNFPA) และศูนย์วิจัยและพัมนาด้านเด็กและเยาวชน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดโอกาสให้เยาวชนที่ถูกเท สะท้อนเรื่องราวชีวิตเปราะบาง
น้องเนม อดีตเด็กต้องคดีค้ายาเสพติดอายุ 24 ปีกล่าวว่า วัยเด็กเขาก็เหมือนเด็กทั่วไป ชอบตามเพื่อน เกเร ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ช่วงม.ต้น ก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียน ไปสมัคร เรียนที่ไหนไม่มีใครรับ เพราะทุกโรงเรียน รู้ว่าเกเรมาก ทำให้ต้องออกจากระบบโรงเรียนไม่ได้เรียนต่อ จนกลายเป็นเด็กแว้น
จนวันหนึ่งช่วงอายุ 14 ปี เริ่มเสพยาตามเพื่อนในกลุ่ม ที่ถามว่า ใจหรือเปล่า และ ถ้าใจต้องกล้าลองมัน เราติดเพื่อนอยู่กับเพื่อน ตลอด เพราะกลับบ้านไปก็ถูกด่า
"ตอนแรกๆ มีคนให้มาเสพ แต่พอหลังๆ ต้องหาเงินซื้อเอง เราก็ขโมยของที่บ้าน เงินที่บ้าน จนครั้งหนึ่งได้ทำร้ายพ่อแม่ เพราะเราต้องการเงิน จนต้องออกจากบ้าน และมีเพื่อนคนหนึ่งให้เราเป็นคนส่งยาโดยจะได้ยาเป็นค่าตอบแทน และหลังๆ กลายเป็นเด็กส่งยาต่างจังหวัดได้เงินค่าส่งหลักแสนบาท ซึ่งเด็กวัย 15-16 ปี มีเงินเยอะขนาดนั้น ก็ไม่สนอะไรนอกจากหาเงินมาซื้อยาเสพติด กิน เที่ยว และฟังเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ เพราะต้องการเป็นที่ยอมรับในกลุ่ม"
กระทั่งตัดสินใจเลิกข้องเกี่ยวยาเสพติด จะทำเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ ให้ที่บ้านได้ค่าจ้าง 2 แสนกว่าบาท แต่ก็พลาด โดนจับกุมข้อหามียาบ้า 50,000 เม็ด โดยศาลเยาวชนตัดสินส่งไปอยู่ศูนย์ฝึก
เนม เล่าต่อว่าปัจจุบันพ้นโทษแล้วและเลิกยุ่งกับยาเสพติดทุกชนิด เพราะได้รับโอกาส ได้ฝึกอาชีพโดยให้ค้นหาตัวเองถึงอาชีพที่สนใจ ในการซ่อมและ ซื้อขายมอเตอร์ไซด์เก่า รวมถึงเรียนรู้ การทำเกษตรแบบผสมผสานแบบพอเพียง ทำให้มีความฝันอยากจะมีบ้านสวนเล็กๆ และเปิดร้านซ่อมมอเตอร์ไซต์ เพื่อสักวันหนึ่งจะมีโอกาสรับเยาวชนที่เคยก้าวพลาดมาดูแล เหมือนที่ตนเองได้รับโอกาสนั้น เพราะเด็กและเยาวชนที่ก้าวพลาด ต้องการคนให้อภัยและโอกาสได้เริ่มต้นใหม่
น.ส.คำแลง เยาวชนไร้สัญชาติ อายุ 20 ปี นักเรียนชั้น ม.6 จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่าตนเองอยู่ในสถานะไร้สัญชาติ แม้ว่าจะเกิดที่ประเทศไทย แต่พ่อแม่ไม่ได้ แจ้งเกิด ที่ผ่านมาพยายามยื่นเรื่องขอมีสัญชาติไทยแต่ติดปัญหาที่ต้องมีพ่อแม่มายืนยันการเกิด ซึ่งพ่อที่แยกทางจากแม่ก็แจ้งว่ามีลูกเพียงคนเดียวคือลูกที่เกิดกับครอบครัวใหม่
ทุกครั้งเวลาไปร่วมกิจกรรมภายนอกตนมักใส่เสื้อกันหนาวปิดไว้ เพราะมีแต่ชื่อ ไม่มีนามสกุลทำให้รู้สึกอายเมื่อมีคนมาถามว่าทำไมมีแค่ชื่อ และการไม่มีสัญชาติทำให้ ถูกจำกัดสิทธิในการเรียนต่อ
"หนูมีเกรดเฉลี่ย 3.8 ฝันอยากเป็นหมอหรือพยาบาล แต่แค่สิทธิการสมัครสอบก็ไม่สามารถทำได้ ที่ผ่านมามีผู้ใหญ่หลายคนพยายามช่วยใหู้ได้รับสัญชาติ แต่ปัญหาของหนูมันซับซ้อน ซึ่งหนูมี เส้นตายการสมัครภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้"
ขณะที่มาย อายุ 23 ปี อดีตแม่วัยรุ่น เล่าว่าช่วงเพิ่งจบม.3 เธอทะเลาะกับพ่อ จึงตัดสินใจออกจากบ้านไปอยู่กับแฟน จนตอนอายุ17 ปี ก็ท้องและไม่ได้เรียนต่อเมื่อแฟนต้องทำงานคนเดียว เธอเลี้ยงลูก ทำงานช่วยแฟนไม่ได้ จึงมีปัญหาทะเลาะกัน ต้องแยกกันอยู่กับแฟน ด้วยภาวะที่เรา เป็นเด็ก งานก็ไม่ได้ทำ เงินก็ไม่มี ทำให้ตัดสินใจ ทำอะไรผิดไปหลายอย่าง แต่ก็โชคดีที่แม่เข้ามา ช่วยเหลือ ให้กลับไปอยู่บ้านและช่วยเลี้ยงลูก
"ไม่มีใครอยากก้าวพลาด แต่เมื่อย้อนกลับไปไม่ได้ ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดมายอาจโชคดีที่มีครอบครัวคอยช่วยเหลือ แต่ก็แม่วัยใสทุกคนไม่ได้โชคดีเหมือนมาย อยากให้มีการจัดตั้งหน่วยงานที่ช่วยเหลือ กลุ่มแม่วัยใสให้มีงานทำ หรือศึกษาต่อ รวมถึง ควรมีบทเรียนหรือสอนให้เด็กผู้หญิงรู้จักดูแลตัวเอง"
น้องโอลี่ อายุ16ปี เด็กครอบครัวแตกแยก เล่าว่าพ่อกับแม่แยกทางกันตอนเขาอายุ 13 ปี พ่อทิ้งแม่ไป ทำให้แม่กลายเป็นเสาหลักของบ้าน ต้องทำงาน หาเงินเลี้ยงครอบครัว แม่ไม่มีเวลาให้ ทำแต่งาน บางครั้งก็ทะเลาะกับแม่ เพราะพอแม่ไม่มีเวลาให้ เขาก็เริ่มเกเร สูบบุหรี่ แม่ก็ขอให้หยุด เขาก็ยังหยุดไม่ได้
"พ่อแม่ทำแต่งาน เราก็เหมือนขาดความอบอุ่น เริ่มเรียนรู้สิ่งที่ไม่ดีง่ายขึ้นซึ่งมีเพื่อนๆ ที่ประสบปัญหาแบบเดียวกันอีกมาก อยากให้สังคมเข้ามาช่วยเหลือ คอยปรับความคิด สร้างความอบอุ่น หยิบยื่นความรัก กำลังใจให้ เพราะสิ่งที่พวกเขาอยากได้คือการยอมรับ ความรัก ความเข้าใจจากคนในครอบครัว"
อย่างไรก็ดีหลายคนไม่ได้อยากเดินทางผิดแต่เมื่อพลาดไปแล้วก็อยากให้ใครสักคน หรือสังคมเข้าใจ ให้โอกาส และอยากหลุดพ้น จากภาวะเปราะบางเช่นนี้
"เมื่อพลาดไปแล้วก็อยากมีใครสักคนให้โอกาสและยอมรับเพื่อจะได้หลุดพ้นจากภาวะเช่นนี้"