เล่นจ๊ะเอ๋..กระตุ้นสมอง
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้าง เสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้โครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็กเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เม.ย. 2558 จัดงานของขวัญเด็กไทย "สิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก" เครื่องมือดูแลลูกยุคใหม่
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า จากข้อมูลผลสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทยปี 2558-2559 โดยองค์การยูนิเซฟประเทศไทย สำนักงานสถิติแห่งชาติ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พบว่า ผู้ใหญ่ในครัวเรือน อย่างปู่ย่า ตายาย มีบทบาทสูงต่อการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กในช่วงอายุ 3-5 ขวบ ถึง 92.7% ขณะที่บทบาทของแม่ในการส่งเสริมการเรียนรู้อยู่ที่ 62.8% ตามด้วยบทบาทของพ่อ 34%
ที่น่าสนใจ คือ พบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ที่เล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต เครื่องเล่นเกม สูงถึง 50% และเกือบ 7 ใน 10 ของเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป เล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเฉพาะเด็กใน กทม.และภาคใต้ ซึ่งการเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่อายุ ยังน้อยอาจส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิ สั้นได้
นอกจากนี้ ยังพบช่องว่างของพัฒนาการเด็กเล็กตามระดับการศึกษาของแม่ และฐานะทางเศรษฐกิจ โดยเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ที่มีหนังสือสำหรับเด็กอย่างน้อย 3 เล่ม มีเพียง 41.2% เท่ากับว่าอีก 59% มีหนังสือเด็กในบ้านไม่ถึง 3 เล่ม โดยเด็กที่ร่ำรวยมีหนังสือสำหรับเด็กในสัดส่วนที่มากกว่ากลุ่มที่ยากจนถึง 3 เท่า ดังนั้นการเลี้ยงดูในบ้านเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับพัฒนาการของเด็กในวัยนี้ ซึ่งทุกครอบครัวมีต้นทุนไม่แพ้กันคือความรักความเอาใจใส่ เครื่องมือสิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก จึงถูกออกแบบจากสิ่งใกล้ตัวง่ายๆ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกได้ด้วยอุปกรณ์ราคาศูนย์บาท
พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า พัฒนาการที่ดีเริ่มต้นที่พ่อแม่ และผู้ปกครอง จึงไม่อยากให้กังวลว่าการที่ลูกจะมีพัฒนาการที่ดีจะต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนมากหรือมีเวลาที่มาก แต่มีจุดเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน ด้วยกิจกรรมธรรมดาที่เติมความรัก ความเข้าใจ ความเอาใจใส่และความสม่ำเสมอในทุกๆ วัน เช่น เล่นกับลูก อ่านหนังสือกับลูก การชวนลูกคุยเพราะยิ่งชวนลูกคุยมากขึ้นเท่าไรก็จะช่วยสะสมคลังศัพท์มากขึ้น การชวนให้ลงมือทำงานบ้านร่วมกัน และพาลูกออกไปเที่ยวเพื่อเรียนรู้สิ่งแวดล้อมนอกบ้าน เช่น การเล่นจ๊ะเอ๋กับลูก ซึ่งแฝงความมหัศจรรย์ที่ช่วยให้สมองและพัฒนาการของเด็กในหลายด้านถูกกระตุ้นอย่างที่ผู้ใหญ่คาดไม่ถึง
"การเล่นจ๊ะเอ๋ช่วยให้เด็กในช่วง 2 ขวบปีแรก ได้เรียนรู้เรื่องการคงอยู่ของสิ่งต่างๆ จากการที่ผู้ใหญ่ ปิดตาหรือซ่อนแอบ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการสื่อสารระหว่างกัน ฝึกการจดจำข้อมูล โดยเด็กจะจำว่าผู้ปกครองชอบโผล่ทางไหน และคาดเดาว่าครั้งต่อไปจะเป็นทิศทางใด ฝึกให้รู้จักรอคอย ช่วงเวลาที่ปิดหน้าหรือซ่อนหลังสิ่งของ เด็กจะรู้จักรอคอยว่าเมื่อไหร่จะเปิดตาหรือโผล่ขึ้นมา และเกิดสายสัมพันธ์ความผูกพันในหัวใจของลูกเพราะเป็นช่วงเวลาที่เด็กเป็นศูนย์กลาง การสบตา การใช้เสียงสูงต่ำ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การเลี้ยงดูแลเด็กในบ้านถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับการพัฒนาการของเด็กปฐมวัย ซึ่งทุกครอบครัวต่างก็มีต้นทุนที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นความรัก ความเอาใจใส่ จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย โดยการนำสิ่งรอบตัวหรือสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัวในชีวิตประจำวันมาทำกิจกรรมและเล่นกับเด็กก็สามารถทำให้เกิดการเรียนรู้และเกิดพัฒนาการที่ดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องเสียเงินมากมาย
พญ.รสวันต์ อารีมิตร กุมารแพทย์จากภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวถึงแอพพลิเคชั่นอย่าง "คุณลูก" (khunlook) ว่า เป็นแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาเพื่อพ่อแม่ในยุคดิจิทัล โดยใช้เป็นการบันทึกและประเมินข้อมูลด้านการเจริญเติบโต พัฒนาการ การสร้างภูมิคุ้มกัน และการดูแลช่องปากและฟันของเด็กปฐมวัย ช่วงอายุ 0-5 ขวบ และยังเป็นคู่มือเบื้องต้นสำหรับการดูแลเด็กที่ถูกต้องและมีความน่าเชื่อถือ