เร่งพัฒนาครูด้านภาษารับประชาคมอาเซียน
ศธ.เร่งพัฒนาครูด้านภาษารับประชาคมอาเซียน ระบุไม่อยากให้ครูไทยพูดภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆ ตั้งเป้าส่งเสริมให้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคนภายในปี 2560
ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้มีการติดตามการบูรณาการแผนปฎิบัติการยุทธศาสตร์ประเทศและยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตามที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ ศธ.เป็นเจ้าภาพร่วมในการพัฒนาภาษาอังกฤษให้แก่บุคลากรทั้งประเทศ
โดย ศธ.ได้ตรียมพัฒนาครูตั้งแต่ระดับประถมศึกษา จำนวน 10,000 คน เพื่อนำร่องการพัฒนาครูด้านภาษาอังกฤษและภาษาอาเซียนที่ถูกต้อง อาทิ ครูทางภาคเหนือจะให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ จีน และพม่า ครูภาคตะวันออก เรียนภาษาอังกฤษ จีน ลาว และครูภาคใต้ เรียนภาษาอังกฤษ จีน และภาษามลายูกลาง เป็นต้น
อย่างไรก็ตามมีครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 401,999 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้ที่จบวิชาเอกภาษาอังกฤษ จำนวน 24,789 คน ส่วนที่เหลือเป็นสาขาอื่นๆ ซึ่งเชื่อยังสื่อสารภาษาอังกฤษได้ไม่คล่องหรือบางรายอาจจะพูดไม่ได้เลย ดังนั้นจะต้องมีการส่งเสริมให้สามารถพูดภาษาอังกฤษให้ได้ทุกคนภายในปี 2560
ดร.พวงเพ็ชร กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าวได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เป็นเจ้าภาพดำเนินการ โดยขณะนี้ได้มีการติดต่อมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่งมาร่วมกันพัฒนาครูในด้านภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาอาเซียน อาทิ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เป็นต้น ขณะเดียวกันจะขอความร่วมมือให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ส่งเสริมการผลิตครูทางด้านนี้ให้มากขึ้นด้วย
“การฝึกให้ครูได้เรียนรู้ภาษาอาเซียนจะไม่เน้นการเขียน แต่จะเน้นให้ครูสามารถใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันได้ ส่วนการฝึกภาษาอังกฤษของครูจะเป็นการฝึกการพัฒนาอย่างเข้มข้น ซึ่งครูที่ผ่านการอบรมทุกคนจะต้องไม่ใช้ภาษาอังกฤาแค่งูๆปลาๆเท่านั้น แต่ทุกคนจะต้องออกเสียงและสำเนียงภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง เพราะครูจะต้องนำความรู้ไปถ่ายทอดให้แก่นักเรียน หากใช้ภาษาอังกฤษไม่ถูกต้องก็จะทำให้เรียนรู้แบบผิดๆตั้งแต่เด็ก” ดร.พวงเพ็ชร กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์