เรื่องเล่าวัยรุ่นเสียงข้างน้อยถึงปัญหา’ท้องไม่พร้อมในวัยเรียน’
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
ปัญหาการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่เด็กและเยาวชนในสังคมเมือง แต่ยังรวมถึงเด็กในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงเด็กเยาวชนที่สุ่มเสี่ยงต่อการ "หลุดออกจากระบบการศึกษา" ด้วยเช่นกัน
ในงานประชุมระดับชาติเรื่องสุขภาวะทางเพศครั้งที่ 2 "เซ็กส์เปิดในวัยรุ่น : เปิดพื้นที่เพิ่มความฉลาดรู้เรื่องเพศ" โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย 5 องค์กรหลักตาม พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทย องค์การกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ หรือ UNFPA และเครือข่ายเยาวชน
หนึ่งในหัวข้อเวทีเสวนา เรื่องเพศของเรา : เรื่องเล่าจากวัยรุ่นเสียงข้างน้อย เพื่อสะท้อนความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากตัวแทนเด็กและเยาวชนที่ทำงานเรื่องเพศศึกษา จากเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ เยาวชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา
กลุ่มพลังโจ๋พลังสร้างสรรค์เพื่อการสื่อสารสุขภาวะทางเพศที่ปลอดภัยและเป็นสุข จ.แพร่ กลุ่มวัยรุ่นที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ที่หันมาทำกิจกรรมเชิงบวกในการรู้เท่าทันเรื่องเพศศึกษาแก่กลุ่มเพื่อนๆ ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน
น.ส.ศศิธร พาสี หรือเม้าส์ แกนนำกลุ่มพลังโจ๋ วัย 20 ปี บอกเล่าความรู้สึกว่า วัยรุ่นเข้าถึงความรู้เรื่องเพศศึกษาที่ต่างกัน หลายคนยังเชื่อเรื่องการป้องกันแบบผิดๆ เพราะได้รับแหล่งข้อมูลที่ผิดๆ อีกทั้งทัศนคติของครู เจ้าหน้าที่ ผู้บริหารในโรงเรียนต้องเปิดกว้างต่อเรื่องเพศให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นกฎหมายแม่วัยรุ่นที่เปิดโอกาสให้เด็กเยาวชนได้รับความรู้ที่ถูกต้อง เด็กมีสิทธิเลือกเรียนต่อหรือยุติ ก็จะไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงหากทัศนคติของสังคมยังคงเป็นแบบเดิม หากเด็กเลือกยุติการเรียนต่อ เท่ากับเป็นการผลักให้เด็กออกนอกระบบการศึกษา เท่ากับว่านอกจากเด็กจะพลาดโอกาสทางการศึกษาต่อแล้วยังขาดทักษะความรู้เรื่องเพศไปอีกด้วย ซ้ำร้ายอาจเป็นการปลูกฝังความเชื่อแบบผิดๆ
"มีน้องๆ วัยรุ่นบางคนถามว่ายืนมีเพศสัมพันธ์กันแล้วจะไม่ท้องใช่ไหม บางคนถามว่าถ้าอยากป้องกันต้องใส่ถุงยางอนามัยหลายชั้นถึงจะปลอดภัยใช่ไหม ทำให้ต้องทำหน้าที่ให้ความรู้เรื่องการป้องกันการตั้งครรภ์เท่าที่จะทำได้ ทั้งการแจกจ่ายถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิดให้กับเด็กเยาวชนที่มาปรึกษา ไม่ว่าจะเป็นทั้งที่หอพักหรือที่ทำงาน เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องยากในสังคมปัจจุบันหากจะห้ามไม่ให้เด็กมีเพศสัมพันธ์" แกนนำกลุ่มพลังโจ๋กล่าว
สอดคล้องกับเสียงสะท้อนของ นายพัดลี โตะเดร์ หรือพัด อายุ 18 ปี กลุ่มลูกเหรียง จ.ยะลา เห็นว่า การได้รับการศึกษาต่อเป็นเรื่องสำคัญ หากเด็กไม่ได้รับการศึกษาต่อเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเสมือนเป็นการตัดโอกาสที่ดีในการดำเนินชีวิตเพียงเพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จึงเชื่อว่าการศึกษาสามารถพัฒนาความคิดของเด็กได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและคุณภาพครอบครัวของเขาต่อไปในอนาคตที่เขาต้องมีชีวิตอยู่
ขณะที่ น.ส.ดารารัตน์ รวมสุข หรือน้ำตาล กลุ่มพาวเวอร์ทีน จ.เชียงใหม่ ฝากข้อคิดไว้ว่า นอกจากบ้านแล้ว โรงเรียนเป็นสถานที่สำคัญที่สุด หากสามารถปรับเปลี่ยนการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาจากการเรียนการสอนแบบปกติ เป็นการเรียนแบบใกล้ชิด โดยให้ครูเป็นที่ไว้ใจกับนักเรียน เมื่อสามารถสร้าง "ความไว้ใจ" ให้เกิดขึ้นและลดช่องว่างได้แล้ว นักเรียนย่อมกล้าที่จะปรึกษาปัญหาจากครูผู้สอน ซึ่งเป็นทางออกที่ดีกว่าให้นักเรียนเลือกปรึกษาเพื่อนด้วยกันเอง
น่าเสียดาย หากความไม่รู้หรือความเชื่อแบบผิดๆ ทำให้เด็กเยาวชนต้องก้าวพลาดในชีวิต "ความไว้วางใจ" ระหว่างครูกับศิษย์ถือเป็นการปิดช่องว่างความไม่รู้ที่สำคัญ เพื่อให้ศิษย์กล้าที่จะเดินเข้ามาปรึกษา รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง และยังมีทางให้ยืนอยู่ในสังคมหากต้องก้าวพลาดในชีวิต