เมื่อผู้สูงอายุ……ถูกทอดทิ้ง!!!!

เมื่อผู้สูงอายุ……ถูกทอดทิ้ง!!!!

 

 

วันเวลาไม่เคยหมุนย้อนกลับ คงไม่ต่างอะไรกับอายุคนเรานับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น  แต่ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ล้ำสมัย  อีกทั้งอาจเป็นเพราะคนไทยเราดูแลสุขภาพกันมากขึ้น จึงส่งผลให้ปัจจุบันสถานการณ์ผู้สูงอายุในสังคมไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน  

 

แต่อายุสูงขึ้นก็ไม่ได้มีแต่ประโยชน์เสมอไป กลับน่าตกใจ เมื่อได้ยินข่าวอยู่เสมอว่า มีผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งให้อยู่เดียวดายเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญเมื่อมีการสำรวจประชากรผู้สูงอายุ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ประเทศไทยมีจำนวนและสัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดยในปี 2537 มีประชากรผู้สูงอายุร้อยละ 6.8  ในปี 2545 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 9.4 และล่าสุด ในปี 2550 พบว่าผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 10.7 ของประชากรทั้งประเทศ  และที่สำคัญคาดการณ์ว่าในปี 2553 และ 2563 ประเทศไทยจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11 และร้อยละ 15 ตามลำดับ

 

            และที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ในขณะที่ผู้สูงอายุทะลุหลัก 6,800,000 คน อย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่ปี กลับยิ่งพบผู้สูงอายุซึ่งถูกทอดทิ้งมีจำนวนสูงถึงกว่า 4 แสนคน ทั้งนี้เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป  กลายเป็นกระแสทุนนิยม ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างครอบครัวให้กลายเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น  ความรักความผูกพันในครอบครัวน้อยลง คนในครอบครัวมัวแต่สนใจเรื่องการทำงานเก็บเงิน จนอาจมองข้ามความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวไป

 

            ส่งผลให้สัดส่วนของผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวตามลำพังในครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น  โดยในปี 2537  มีผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวร้อยละ 3.6 ในปี 2545  เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.3 และข้อมูลล่าสุดในปี 2550 พบมีผู้สูงอายุอยู่คนเดียวในครอบครัวตามลำพังร้อยละ 7.7 ทั้งนี้ร้อยละ 56.7 ของผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวตามลำพังไม่มีปัญหา ที่เหลือร้อยละ 43.3 มีปัญญา ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงอยู่

 

            สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่พบบ่อยที่สุดคือ ความรู้สึกเหงา สูงถึงร้อยละ 51.2  ของผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว รองลงคือปัญาหาไม่มีคนดูแลท่านเมื่อเจ็บป่วย ร้อยละ 27.5 ปัญหาด้านการเงินที่ต้องเลี้ยงชีพ  ร้อยละ 15.7 และร้อยละ 5.3 ไม่มีลูกหลานมาช่วยแบ่งเบาภาระภายในบ้าน

 

            ปัญหาทั้งหมดเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้งมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ โดยจะเกิดมากที่สุดในผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้งจากลูกหลาน

 

            นอกจากนี้ ผู้สูงอายุยังมีปัญหาด้านร่างกาย เนื่องจากสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ส่งผลให้สุขภาพอ่อนแอ ช่วยเหลือได้น้อยลง  อีกทั้งสังคมก็ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุเกิดความรู้สึกในทางลบ  มองตนเองเป็นผู้ไร้ประโยชน์และเป็นภาระของสังคม เกิดความสับสนทางอารมณ์ จิตใจ  และความเชื่อมั่นในตนเองลดน้อยลง  ท้ายสุดทำให้ผู้สูงอายุเหล่านี้อยู่ในภาวะอารมณ์เศร้า  ท้อแท้  ผิดหวัง และมีปมด้อย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ถือเป็นปัญหาทางสังคมที่จะต้องช่วยกันเร่งแก้ไขโดยด่วน

 

            เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางออกเดียวที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้………………

 

            เราควรหันมาสนใจ  ผู้สูงอายุ โดยเอาใจใส่และดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะในเวลาปกติหรือในเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย  พูดคุยและหาโอกาสพาไปผักผ่อน  หากิจกรรมให้ทำในเวลาว่าง รวมทั้งสนับสนุนให้ได้รับการออกกำลังกายที่ถูกวิธี เพื่อเป็นการพัฒนาร่างกายควบคู่กันไป หากิจกรรมให้ทำร่วมกันในครอบครัว เพื่อการสร้างความอบอุ่นและความสัมพันธ์ที่ดีของสมาชิกในครอบครัว  เพราะนอกจากจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาวะที่ดีแล้ว  ยังจะกลายเป็นวัคซีนที่ดีของสมาชิกทุกคนในครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย

 

            วันนี้คุณกลับไปดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวของคุณแล้วหรือยัง!!!!!!

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : ณัฐภัทร  ตุ้มภู่ www.thaihealth.or.th

ข้อมูลจาก : หนังสือสุขสาระ

 

Update : 22-04-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฐภัทร  ตุ้มภู่

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code