เผยเด็กกทม.มีเพศสัมพันธ์สูงคุมกำเนิดต่ำ
สถาบันรามจิตติ และกองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลสำรวจสภาวการณ์เด็กและเยาวชนในพื้นที่ กทม. โดยพบวัยรุ่นหมกมุ่นเรื่องเพศกับอบายมุขเพิ่มสูง เกิดเป็นปัญหาสังคมทั้งถูกกรรโชกและรีดไถ ขณะที่เด็กประถมเริ่มกลายเป็นกลุ่มเสี่ยง แนะเร่งกำหนดนโยบายครอบครัวที่ชัดเจน
ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ที่ปรึกษาสถาบันรามจิตติ กล่าวถึงผลการศึกษาสภาวการณ์เด็กและเยาวชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประจำปี 2556 ว่า จากข้อมูลที่ศึกษาสะท้อนปัญหาเรื่องเพศ ความรุนแรง อบายมุข พบว่ารุนแรงมากขึ้นและลามลงสู่เด็กประถมศึกษา จากเดิมที่พบมากในกลุ่มมัธยมตอนต้น ปัจจัยมาจากครอบครัว ซึ่งพบว่าเด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่มีความเสี่ยงต่อปัญหามากกว่าเด็กที่อยู่กับพ่อแม่ ดังนั้นถ้ารัฐบาลใหม่ไม่กำหนดนโยบายการส่งเสริมความเข้มแข็งของครอบครัวให้ชัดเจน จะส่งผลปัญหาต่อเด็กและเยาวชนอย่างแน่นอนและโรงเรียนซึ่งพบว่าโรงเรียนที่ส่งเสริมให้มีกิจกรรมทางเลือกที่หลากหลาย มีครูที่ปรึกษาได้ทุกเรื่อง ทำให้ลดภาวะเข้าสู่ความเสี่ยงได้
พ.ต.อ.หญิงจินดา กลับกลาย จากกองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 2,448 คน พบว่า ด้านโรงเรียน เด็กและเยาวชนมีความรู้สึกเชิงบวกทั้งบรรยากาศ และความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2554-2555 ด้านครู เด็กระบุว่าครูมีคุณภาพมากขึ้น ทั้งด้านการจัดการเรียนการสอน และการเป็นที่ปรึกษา แต่ยังพบปัญหาใหญ่ที่เด็กร้อยละ 91.40 ใช้วิธีการคัดลอกข้อมูลจากเว็บไซต์ในการทำการบ้านหรือรายงาน
ด้านเพศ พบว่าเด็กและเยาวชนมีเพศสัมพันธ์สูง คุมกำเนิดต่ำ โดยเกือบร้อยละ 37 เคยมีเพศสัมพันธ์ มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่ใช้ถุงยางอนามัยหรืออุปกรณ์คุมกำเนิดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และมีทัศนคติที่ยอมรับการมีเพศสัมพันธ์/การอยู่ก่อนแต่งมากขึ้น จากร้อยละ 18.53 ในปี 2555 เป็นร้อยละ 35.00 ในปี 2556 แต่กลับมีทัศนคติต่อการคุมกำเนิดลดลง
ด้านอบายมุข พบว่า เด็กและเยาวชนหมกมุ่นกับอบายมุขอย่างชัดเจนสูงขึ้นเกือบทุกด้าน โดยเด็กเข้าถึงบุหรี่หรือยาเส้นชนิดอื่นๆ รวมถึงบารากู่ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 16.73 เป็นร้อยละ 40.86 อีกทั้งสะท้อนให้เห็นว่า เด็กตกอยู่ในแหล่งอบายมุขรอบตัว ทั้งจากครอบครัว เพื่อนสนิท โรงเรียน และชุมชน และด้านความรุนแรง พบว่า มีเพื่อนนักเรียนพกอาวุธร้ายแรงเข้ามาในสถานศึกษาถึงร้อยละ 46.44 เคยถูกขู่กรรโชกทรัพย์หรือรีดไถสูงมากขึ้น ร้อยละ 32.22
ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์น็ต