เผยอากาศในตึกสูง ก่อโรคระบบการหายใจ
ชี้ อาคารแบบปิด สะสมเชื้อรา ฝุ่นละออง
นายวิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ระบุว่าคุณภาพอากาศในประเทศเสื่อมลง เนื่องจากปะปนไปด้วยมลพิษต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นอากาศจากภายนอกที่เกิดจากฝุ่นควัน การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากยานพาหนะ หรืออุตสาหกรรมต่างๆ ที่สำคัญอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย ตึกสูง ก็สามารถเกิดการสะสมของมลพิษในอากาศได้ โดยมีสาเหตุเนื่องจากอาคารส่วนใหญ่เป็นอาคารปิดและปรับอากาศ ทำให้อากาศวนเวียนอยู่ภายในนานนับเดือน นับปี สะสมเชื้อโรคและฝุ่นละออง
แถลงการณ์ขององค์การอนามัยโลกระบุไว้ว่า ระดับของฝุ่นละออง ผง และเถ้า ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบที่อันตรายที่สุดของมลภาวะในอากาศไม่ควรเกิน 20 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร บางอาคารมีการติดตั้งพัดลมดูดอากาศ เข้า – ออก ก็มีปัญหาที่ว่าอากาศภายนอกก็ไม่สะอาดมีมลภาวะ ไม่สามารถคัดกรองเอาเฉพาะอากาศที่ดีเข้าไปในอาคารได้ ท่อปรับอากาศภายในอาคารไม่มีกฎหมายบังคับให้ทำความสะอาด
มลภาวะทางอากาศในอาคาร ก่อให้เกิด โรคระบบการหายใจ (respiratory disease) ซึ่งโรคที่ครอบคลุมอวัยวะของมนุษย์ ตั้งแต่ จมูก ลำคอ หลอดลม และปอด เด็กและสตรีป่วยด้วยโรคระบบการหายใจมาเป็นอันดับ 4 โดยผู้หญิงป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด รองจากโรคมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านม ตามลำดับ สถิติที่น่าตระหนกคือ เด็กมีอัตราการป่วยโรคหืดสูงขึ้นเป็น 13 เปอร์เซ็นต์ จาก 4 เปอร์เซ็นต์
ในอาคารมีความสกปรกที่หมักหมมอยู่ทั้งฝุ่น สารเคมี เชื้อรา ไรฝุ่น เครื่องถ่ายเอกสาร คอมพิวเตอร์ จะมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กแฝงอยู่ ในช่วงระยะ 4 – 5 ปีมานี้ โรคระบบการหายใจและโรคที่มาจากไวรัสแพร่ระบาดได้รวดเร็ว เช่น ไข้หวัดต่างๆ
ดังนั้น หากอาคารต่างๆ หันมาให้ความสนใจกับการทำให้อากาศมีระบบหมุนเวียนอากาศที่ปลอดภัย และมีคุณภาพอากาศที่สะอาดจะเป็นผลต่อสุขภาพของประชาชน และสังคมส่วนรวม
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
update 01-06-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก