เผยคนไทยดื่มนมน้อย 14 ลิตร/ปี

ระวังไม่โต-ขี้โรค-กระดูกพรุน

 

 เผยคนไทยดื่มนมน้อย 14 ลิตร/ปี

          คุณทราบหรือไม่ว่า…”องค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ” หรือ the food and agriculture organization” หรือ fao” กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันดื่มนมโลก” (world milk day) เพื่อให้ประเทศต่างๆ และองค์กรที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนการบริโภคนมได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์และกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของการบริโภคนม ด้วยการให้ความรู้ และคุณประโยชน์ของนมให้แก่ประชาชน…

 

          ใน ปี 2551 ประเทศไทยผลิตนมพร้อมดื่มได้ประมาณ 876,000 ตัน แบ่งเป็นนมเพื่อการพาณิชย์ 360,000 ตัน หรือร้อยละ 41 นมโรงเรียน 276,000 ตัน หรือร้อยละ 32 และนมเปรี้ยว 240,000 ตัน หรือร้อยละ 27 โดยผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้ ผลิตมาจากน้ำนมดิบภายในประเทศ และจากนมคืนรูป โดยผลผลิตที่ได้จะออกมาในรูปนมสด มีทั้งรสจืดและรสหวาน และในรูปนมปรุงแต่ง ซึ่งมีการเติมกลิ่นและรสต่างๆ ตามความนิยมของผู้บริโภค เช่น รสช็อกโกแลต รสกาแฟ และรสสตรอเบอร์รี่ เป็นต้น

 

          ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่าประเทศไทย คือฐานการผลิตน้ำนมดิบมากที่สุดใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทว่าคนไทยกลับดื่มนมเพียงน้อยนิด คิดเป็นตัวเลขประมาณ 14.19 ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่อัตราบริโภคนมโดยเฉลี่ยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ที่ 60 ลิตรต่อคนต่อปี และของทั่วโลกอยู่ที่ 103.9 ลิตร ต่อคนต่อปี!!!จากตัวเลขข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า ปัจจุบันคนไทยยังดื่มนมกันน้อยมาก ทั้งที่จริงๆ แล้วนมเป็นแหล่งรวมของโภชนาการ และสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย

 

          ข้อมูลจากมูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติ (international osteoporosis foundation หรือ iof) ระบุว่า นมและผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ เป็นอาหารพร้อมบริโภคที่หาได้ง่าย จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่มีแร่ธาตุแคลเซียมสูงที่สุด ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง โดยเป็นแคลเซียมที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีที่สุด และยังเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะให้ทั้งโปรตีนและเกลือแร่ที่สำคัญ เช่น ฟอสฟอรัส คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามิน

 

          “นม” ยังช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง การสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกตั้งแต่อายุยังน้อยๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกแตกหักได้ง่ายเมื่ออายุมากขึ้น เพราะเมื่ออายุ 35 ขึ้นไป ร่างกายของคนเราจะค่อยๆ เริ่มสูญเสียกระดูกมากกว่าที่จะสร้างกระดูก วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยรักษากระดูก และเกิดการสูญเสียกระดูกน้อยที่สุด ก็คือ การดื่มนมเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอป้องกันความดันโลหิตสูง

 

          จากการศึกษาพบว่า ธาตุอาหารใน “นม”  1 กล่อง มีมากมาย “แคลเซียม” สร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน “วิตามินบี 12”  ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง “คาร์โบไฮเดรต”  ให้พลังงานกับร่างกาย “แมกนีเซียม” สร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ “ฟอสฟอรัส” สร้างพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกาย และทำให้กระดูกแข็งแรง หลายๆ คนหลีกเลี่ยงไม่ดื่มนมเพราะเชื่อว่า นมทำให้อ้วน แต่จริงแล้วๆ ไม่ว่าจะเป็นนมสด นมพร่องไขมัน หรือนมไม่มีไขมัน มีปริมาณไขมันแค่เพียง 3.9%, 1.7% และ 0.3% เท่านั้น“นม” ยังเป็นเครื่องดื่มที่มอบความสดชื่นไม่แตกต่างจากน้ำดื่ม การดื่มนมเพียงหนึ่งหรือสองแก้วจะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น และยังทำให้ได้รับคุณค่าสารอาหารที่ร่างกายต้องการอีกด้วย

 

          ศ.กิตติคุณ นพ.เสก อักษรานุเคราะห์ อดีตประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย เคยกล่าวว่า การเกิดโรคกระดูกพรุนไม่มีสาเหตุ แต่มาพร้อมวัยเหมือนการเข้าสู่วัยชรา กระดูกมีมวลหรือเนื้อน้อยลง จึงเปราะบางและแตกหักง่าย การป้องกันคือต้องเร่งสร้างและสะสมมวลกระดูกให้แข็งแรงตั้งแต่วัยเด็กถึงวัยชรา ด้วยการสะสมแคลเซียม โปรตีนและวิตามินดีจากการดื่มนม เพื่อให้ได้รับแร่ธาตุที่มีส่วนต่อการเจริญเติบโตของกระดูก ทว่านมอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีอย่างอื่นเสริม อาทิ ปลาเล็กปลาน้อย ปลาร้า เป็นต้น

 

          นมที่ดีสุดคือ “นมสด” มีสารอาหารและโปรตีนจำนวนมาก ซึ่งโปรตีนเคซิน เป็นโปรตีนเด่นที่สุด จับแคลเซียมเก่ง ช่วยสร้างความสูงให้ร่างกาย ควรดื่มวันละ 500 ซีซี หรือ 2 กล่อง หากเกินจากนี้ก่อให้เกิดผลเสีย เนื่องจากไปกระตุ้นต่อมพาราไทรอยด์ (ต่อมข้างไทรอยด์) ซึ่งไปสลายกระดูกสำหรับเด็กสามารถดื่มนมได้วันละ 500 – 800 ซีซี โดยเฉพาะเด็กที่ใช้พลังงานสูง ออกกำลังกายเหงื่อออกมาก เพราะฟอสฟอรัสที่เกินจะถูกใช้เป็นพลังงาน ไม่สามารถกระตุ้นต่อมพาราไทรอยด์ได้ ส่วนเด็กที่อยู่เฉยๆ ควรดื่มนมเท่าผู้ใหญ่…

 

          สำหรับผู้เกิดอาการท้องเสีย ท้องอืดเมื่อดื่มนม เกิดจากร่างกายขาดน้ำย่อยน้ำตาล ในนมหรือน้ำตาลแลคโตส แนะนำว่าควรดื่มวันละอึกๆ เป็นการกระตุ้นเรื่อยๆ และหลีกเลี่ยงการดื่มนมขณะท้องว่าง แต่หากไม่สำเร็จแนะนำผสมนมสด 250 ซีซี กับนมเปรี้ยว 250 ซีซี แช่ตู้เย็น 1 คืนก่อนแบ่งดื่ม เนื่องจากในนมเปรี้ยวมีแลคโตบาซิลัส เชื้อโรคที่มีคุณต่อร่างกาย จะกินตัวน้ำตาลแลคโตส นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ยับยั้งการดูดแคลเซียม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน บุหรี่ รวมถึงการรับประทานอาหารไขมันสูงและเกลือสูง…

 

          “นม” เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่ให้คุณประโยชน์สำหรับทุกเพศทุกวัย คุณค่าของ “นม” มีมากมายเหลือคณานับ…นับถึงบรรทัดนี้คุณดื่มนมแล้วหรือยัง…?    

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

 

 

update 01-06-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

Shares:
QR Code :
QR Code