เปิดบ้านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สร้างพลัง“ครอบครัวฉลาดซื้อ”
หลังเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อราวกลางปี 2553 ที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีว่า บ้านของ “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ที่ตั้งอยู่ด้านหลังเซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถูกเพลิงไหม้จนไม่สามารถใช้เป็นที่ทำงานได้ ต้องย้ายไปประจำชั่วคราวที่อาคารเซ็นจูรี่ที่อยู่ใกล้เคียงกันแทน
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ได้เปิดทำบุญบ้านหลังเดิมที่ได้รับการซ่อมแซมจนกลับมาใช้เป็นสำนักงานได้อีกครั้งหนึ่ง โดยมีทั้ง นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.วิชัย โชควิวัฒน รองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และเครือข่ายมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจากหลากหลายจังหวัด เข้าร่วมงานทำบุญเปิดบ้านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกันอย่างชื่นมื่น
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนักงานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคประสบเหตุเพลิงไหม้ ได้รับน้ำใจจากคนในสังคมจำนวนมาก โดยมีผู้ร่วมบริจาคเพื่อซ่อมแซมที่ทำการมูลนิธิฯ กว่า 6 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ช่วยในการซ่อมแซมอีกประมาณ 5 ล้านบาท ปัจจุบันประชาชนสามารถเข้ามาใช้บริการร้องเรียน หรือปรึกษาข้อกฎหมายที่สำนักงานเดิมได้แล้ว 100%
“การช่วยเหลือของสังคมที่ส่งผ่านมาให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ทำให้เราต้องทำงานเพื่อผู้บริโภคให้มากขึ้น เพราะแสดงให้เห็นว่างานเพื่อผู้บริโภคเป็นเรื่องสำคัญและสังคมให้การสนับสนุนพวกเรา มูลนิธิฯ ก็จะยืนเคียงข้างกับพี่น้องคนไทยต่อไป ซึ่งเราเลือกทำพิธีทำบุญเปิดบ้านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในวันที่ 13 มีนาคม เนื่องจากในวันที่ 15 มีนาคมตรงกับวันสิทธิผู้บริโภคสากล นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวโครงการครอบครัวฉลาดซื้อที่ในยุคปัจจุบันทุกคนควรจะฉลาดซื้อ ฉลาดคิด และฉลาดใช้ชีวิตในยุคบริโภคนิยม สามารถช่วยกันทำงานกับมูลนิธิเพื่อบริโภคได้ด้วย” น.ส.สารีกล่าว
ศ.ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ กรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและผู้ริเริ่ม “โครงการครอบครัวฉลาดซื้อ” กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคทุกคนเข้าใจถึงความจำเป็นในการใช้ข้อมูลเพื่อการเลือกซื้อแทนการซื้อจากการชักจูงจากโฆษณา ซึ่งมีทั้งจริงและเท็จ และพิทักษ์สิทธิของครอบครัวตนเอง เพราะครอบครัวเป็นหน่วยทางสังคมที่เล็กที่สุด แต่มีอิทธิพลมากที่สุดในการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
“ทั้งนี้ ครอบครัวฉลาดซื้อจะได้รับข้อมูลเพื่อการเลือกซื้อสินค้าและบริการอย่างคุ้มค่าโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการบริโภคที่ยั่งยืน มีส่วนร่วมในการสำรวจ ทดสอบสินค้าและบริการต่างๆ ร่วมกับนิตยสารฉลาดซื้อ ซึ่งเป็นนิตยสารฉบับเดียวที่มีการเปรียบเทียบข้อมูลผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีครอบครัวในพื้นที่ กทม. เข้าร่วมเป็นครอบครัวฉลาดซื้อ 1,000 ครอบครัว เพื่อเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งในการส่งข้อมูลให้กันและกันผ่านช่องทางต่างๆ จนกลายเป็นพลังสังคม ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสังคมให้ดีขึ้นได้” ศ.ดร.ปาริชาต กล่าว
ด้าน นางนพมาศ รวยรื่น ตัวแทน “ครอบครัวรวยรื่น” ซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวฉลาดซื้อ ยืนยันว่า การเป็นครอบครัวฉลาดซื้อไม่ยาก เวลาจะซื้ออะไรให้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เปรียบเทียบหลายๆ ยี่ห้อ รวมทั้งไม่รังเกียจหากจะใช้ของมือสองที่คุณภาพดี และนำเอาถุงหรือภาชนะไปใส่อาหารที่ซื้อเอง
สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครเข้าร่วมโครงการ “ครอบครัวฉลาดซื้อ” สามารถได้ทาง www.ฉลาดซื้อ.com โดยสามารถส่งเรื่องราวไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับสินค้าและบริการทางไปรษณีย์เป็นจดหมายมายังศูนย์กลางครอบครัวฉลาดซื้อ ที่อยู่ 4/2 ซ.วัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม.10400 หรือ โทรศัพท์หมายเลข 0-2248-3734-7 ต่อ 102, 125, 128, 129, 132 หรือ 089-765-9151, 089-761-9150 และ 084-652-6105 หรือส่งข้อมูลมาทางโทรสารหมายเลข 0-2248-3733
ที่มา: คีตฌาณ์ ลอยเลิศteamcontent www.thaihealth.or.th