เบิร์นไขมันด้วยการวิ่ง
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
แฟ้มภาพ
ทุกคนต่างรู้ดีว่า การออกกำลังกายดีต่อสุขภาพอย่างไร แต่การจะออกไปวิ่ง คนส่วนใหญ่มักจะมีเงื่อนไขกับตัวเอง ปัจจุบันจึงมีคนดังมากมายเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า ไม่ว่าพวกเขาจะมีงานยุ่งเพียงใด ก็ยังหาเวลาออกกำลังกายได้
ข้อมูลจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือสสส. ระบุว่า ปัจจุบัน มีคนมาวิ่งออกกำลังกายกันกว่า 12 ล้านคน มีการจัดงานวิ่งปีละกว่า 700 งาน และยังมี นักวิ่งหน้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกปีละกว่า 1.7 แสนคน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่คนไทยหันมาออกกำลังกายและใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น
ล่าสุด นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้บริหารโรงพยาบาลนครธน ซึ่งจัดกิจกรรมการ วิ่งต่อเนื่องทุกปี ได้เปิดตัวกิจกรรมเดิน-วิ่งมหากุศล นครธน มินิมาราธอน ในวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา
คุณหมอ กล่าวว่า แม้โรงพยาบาลจะให้บริการรักษาพยาบาลอาการเจ็บป่วย แต่เป้าหมายของเรามุ่งเน้นการส่งเสริม สุขภาพมากกว่า เพราะอยากเห็นคนไทยทุกคนมีสุขภาพดี
นอกจากนี้ ครูดิน หรือ สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งทีมชาติ กูรูทางด้านการวิ่ง ยังได้มาให้ความรู้เกี่ยวกับการวิ่งที่ถูกต้อง พร้อมกับตอบคำถามยอดฮิตของนักวิ่งที่มี น้ำหนักเกินพิกัดว่า วิ่งอย่างไรให้เบิร์นไขมัน
"ก่อนอื่นอยากให้คนที่ต้องการลดน้ำหนักระบุเป้าหมายให้ชัดเจนว่าต้องการลดเพื่ออะไร เช่น เพื่อให้หุ่นดีให้คนเห็นแล้วชื่นชม หรือต้องการการยอมรับจากสังคม ซึ่งเป้าหมายนี้ จะสร้างแรงบันดาลใจให้เราในการวิ่งให้ประสบความสำเร็จ และต่อสู้อย่างไม่ท้อถอย เพราะระหว่างทางเราจะต้องต่อสู้กับใจตัวเอง อาจเกิดความท้อ รู้สึกว่าทำไมยังทำไม่ได้ ตามที่หวัง บางครั้งอาจเกิดภาวะโยโย่ น้ำหนักอาจกลับคืนมา หรืออาจเพิ่มมากกว่าเดิม ซึ่งลักษณะนี้เป็นเรื่องปกติ ให้เดินหน้าอย่าท้อ"
นอกจากนี้ ครูดินยังบอกว่า อยากให้ทุกคนหาความรู้และมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการวิ่ง บางคนใส่เสื้อหนาๆ วิ่ง เพื่อ รีดน้ำ รีดไขมัน ซึ่งมันลดได้ก็จริง แต่มันเป็นเหงื่อ หรืออาจจะลดไขมัน แต่การลดไขมันนั้นกลับทำให้ร่างกายเกิดความร้อนและการใช้พลังงานเผาผลาญไขมันนั้นจะสูญเปล่า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการใส่เสื้อหนาๆ วิ่ง คือ น้ำในเลือดลด เลือดข้น เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง จนทำให้ภารกิจการวิ่งไม่สำเร็จ เนื่องจากการวิ่งเพื่อให้เกิดการเผาผลาญไขมันจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร และใช้ความต่อเนื่อง
เทคนิคในการวิ่งเพื่อลดไขมัน ครูดินแนะว่า ควรวิ่งช้าๆ โดยใช้หลักการว่าวิ่งให้อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา ซึ่งจะทำให้ เอนไซม์ไลเปสในตับอ่อนที่ช่วยสลายไขมันทำงานได้ดี หรือวัดจากความหนักของการวิ่ง ก็ได้ ร่างกายของเราจะเผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด เมื่อวิ่งในระดับความหนักเพียง 60-70 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราการเต้นของชีพจรสูงสุด ซึ่งอัตราการเต้นของชีพจรสูงสุดคำนวณโดยใช้ 220
ส่วนวิธีเช็คว่า คุณวิ่งที่ระดับความหนัก 60-70 เปอร์เซ็นต์ หรือยัง ครูดิน บอกว่า สามารถดูได้จากนาฬิกาที่บอกอัตราการเต้นของชีพจร แต่ถ้าจะให้ดีควรฝึกจับความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ เหนื่อยหอบเบาๆ เหนื่อยหอบปานกลาง เหนื่อยหอบหนัก และเหนื่อยหอบแบบทนไม่ไหว
"การวิ่งที่ความหนัก 60-70 เปอร์เซ็นต์จะรู้สึกเหนื่อยหอบเบาๆ เวลาพูดยังสามารถพูดคุย ได้ตามปกติ สำหรับเวลาที่เหมาะสมในการวิ่งคือ 20 นาที เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายดึงไขมัน มาใช้มากกว่าดึงน้ำตาล ถ้าวิ่งเกิน 20 นาที ร่างกายจะดึงน้ำตาลมาใช้มากกว่า แต่สำหรับบางคนที่วิ่งสม่ำเสมอจะทำให้อัตราการใช้ไขมันต่อเนื่องยาวนานขึ้นได้ ส่วนความถี่ที่เหมาะสม คือ วิ่ง 3 วัน พัก 1 วัน"
อย่างไรก็ตาม ครูดินบอกว่า การวิ่งไม่ได้ ตอบโจทย์เรื่องการลดน้ำหนักเสียทีเดียว เพราะฉะนั้นควรวิ่งควบคู่กับการควบคุมอาหาร และถ้าจะให้ได้ผลดียิ่งขึ้นควรเล่นเวทเสริมเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อ แข็งแรงก็จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นด้วย คนที่ต้องการลดน้ำหนักส่วนใหญ่อยากเห็นผลเร็ว เพราะฉะนั้น ครูดินเลยฝากทิ้งท้ายให้กับคนที่จะวิ่งเพื่อลดน้ำหนัก ว่า
"อย่าหักโหมเพราะคนที่ล้มเหลวในการลดน้ำหนัก คือ คนที่เร่งตัวเอง ส่วนคนที่จะประสบความสำเร็จคือ คนที่ไม่ท้อ และ เดินหน้าทำอย่างสม่ำเสมอ"