เตือน ! หนุ่มใหญ่กินไข่วันละฟองตายเร็วกว่าเดิม

วิจัยพบชายที่เป็นเบาหวานเสี่ยงมากกว่าโรคอื่น

 เตือน ! หนุ่มใหญ่กินไข่วันละฟองตายเร็วกว่าเดิม

 

 

          นักวิจัยเตือนบรรดาผู้ชายวัยกลางคนระวังตายเร็ว  พบการกินไข่สัปดาห์ละ 7 ฟองหรือมากกว่านั้น  ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตด้วยสาเหตุใดๆ ถึง  23%  แต่สำหรับชายที่เป็นโรคเบาหวานนั้น การกินไข่ไม่ว่ากี่ฟองก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในทุกสาเหตุ

 

          ในระยะหลังมีการถกเถียงกันว่า กินไข่มากน้อยแค่ไหนถือว่าปลอดภัย มีผลวิจัยขัดแย้งกันหลายชิ้นในประเด็นคุณและโทษของการกินไข่   ซึ่งเป็นอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง   คือราว  220 มิลลิกรัม ซึ่งอาจทำให้มีคอเลสเตอรอลสูงในเลือดและเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

 

          ผู้เชี่ยวชาญหลายรายบอกว่า มีการขยายความเรื่องความเสี่ยงเหล่านี้มากจนเกินจริง เพราะคนที่มีสุขภาพดีแทบทุกรายสามารถกำจัดคอเลสเตอรอลจากอาหารได้เองตามธรรมชาติอยู่แล้ว

 

          อย่างไรก็ตาม ดร.ลุก จูส และ ดร.เจ. ไมเคิล กาเซียโน แห่งโรงพยาบาลหญิงบริกแฮม  และคณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด  ได้วิเคราะห์ผลการศึกษาแพทย์ชายจำนวน  21,327 คน เป็นเวลา 20 ปี และพบว่าปริมาณการกินไข่มีผลต่อการมีสุขภาพดี

 

          คณะนักวิจัยกล่าวในรายงานที่ตีพิมพ์ใน   american journal of clinical nutrition ว่า การกินไข่สัปดาห์ละ 6 ฟอง ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคใดๆ แต่การกินไข่สัปดาห์ละ 7 ฟองหรือมากกว่านั้น จะทำให้มีโอกาสเสี่ยชีวิตเพิ่มขึ้น 23%อย่างไรก็ดี  ในกลุ่มผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวาน  การกินไข่จะเพิ่มโอกาสเสียชีวิตด้วยทุกสาเหตุ และมีแนวโน้มที่จะทำให้เป็นโรคหัวใจและโรคเส้นเลือดสมอง

         

นักวิจัยย้ำว่า   ผลการศึกษานี้ไม่ได้หมายถึงประชากรทั่วไป เพราะนักวิจัยไม่รู้ว่าพวกหมอเหล่านั้นกินอะไรเป็นอาหารบ้าง และมีวิธีการปรุงไข่อย่างไรตามข้อมูลนั้น  ผู้ชายกลุ่มที่กินไข่มากที่สุดมักเป็นพวกที่มีอายุมาก อ้วน ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่  และขาดการออกกำลังกาย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายและเสียชีวิต

         

 

ต่อผลวิจัยดังกล่าว นักโภชนาการ วิกตอเรีย เทย์เลอร์ แห่งมูลนิธิโรคหัวใจอังกฤษ บอกว่า ข้อจำกัดของการศึกษาชิ้นนี้ก็คือ ไม่มีข้อมูลว่าพวกหมอที่ถูกศึกษานั้นกินอะไรอย่างอื่นอีกบ้าง ฉะนั้น เรายังคงแนะนำว่า คนเราสามารถกินไข่มากเท่าไรก็ได้ไม่จำกัด   “เรามุ่งรณรงค์ให้ประชาชนลดการบริโภคไขมันอิ่มตัวมากกว่าคอเลสเตอรอลในอาหาร”

 

ที่มา : ไทยโพสต์

ภาพประกอบ : www.thaihealth.or.th

update 29-04-51

Shares:
QR Code :
QR Code