เตือน“แม่ม่ายน้ำตาล”อาละวาด พิษแรงกว่างูเห่า 3 เท่า

แนะระวังลูกหลาน เพราะยังไม่มีเซรุ่ม หรือยาถอนพิษ

 

 

เตือน“แม่ม่ายน้ำตาล”อาละวาด พิษแรงกว่างูเห่า 3 เท่า          นักวิจัยเตือนภัย“แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล” อาละวาดแถบชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง พิษร้ายแรงกว่างูเห่า 3 เท่า แนะวิธีสังเกตรูปร่างลักษณะ ชอบแฝงตัวในที่ต่ำ ให้ระวังลูกหลาน เผยยังไม่มีเซรุ่ม หรือยาถอนพิษ

 

          นายประสิทธิ์ วงษ์พรม นักวิจัยจากภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ศึกษาเรื่องแมงมุมในประเทศไทย เปิดเผยวันที่ 18 มกราคม ว่า จากการศึกษาและเก็บข้อมูลเรื่องแมงมุมในประเทศไทย พบว่าขณะนี้มีแมงมุมพิษชนิดหนึ่ง ชื่อ “แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล” ซึ่งเดิมพบแต่ในประเทศสหรัฐอเมริกา แถบฟลอริดา เท็กซัส และบริเวณเขตเส้นศูนย์สูตร ปัจจุบันได้แพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทยแล้ว เชื่อว่าขณะนี้แมงมุมดังกล่าวได้ขยายพันธุ์กระจายไปยังชุมชนต่างๆ รอบๆ ปากแม่น้ำเจ้า พระยา แม่น้ำแม่กลอง และอ่าวไทยตอนบนแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเจอแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลชุกชุมที่ อ.อัมพวา จ.สมุทร สงคราม และมีรายงานมีคนถูกกัดที่นั่น แต่ยังไม่ได้ลงไปตรวจสอบความชัดเจน

 

          นายประสิทธิ์กล่าวว่า แมงมุมชนิดนี้มีพิษรุนแรงทำลายระบบเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน พิษร้ายแรงกว่าพิษของแมงมุมแม่ม่ายดำ   2 เท่า และร้ายแรงกว่าพิษงูเห่า 3 เท่าทีเดียว เพียงแต่เวลาแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลกัดจะปล่อยพิษออกมาไม่หมด ความร้ายแรงอาจจะไม่เท่าแม่ม่ายดำ เพราะแม่ม่ายดำ หรืองูเห่า กัดแล้วปล่อยพิษออกมาทั้งหมด เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ หากโดนงูเห่า หรือแม่ม่ายดำกัด จะปล่อยพิษออกมาในระดับมิลลิกรัม คือ 1 ส่วนในพันส่วน แต่แม่ม่ายน้ำตาลจะปล่อยพิษออกมาในระดับ ppm คือ 1 ส่วนในล้านส่วน อย่างไรก็ตาม หากถูกกัดหลายตัวพร้อมกันปริมาณพิษก็จะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

 

          นายประสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับลักษณะทั่ว ไปของแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลนั้น พบว่าขนาดของตัวมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร บริเวณท้องจะโต กว่าหัวหลายเท่า ท้องจะกลมป่อง ด้านล่างมีลักษณะคล้ายรูปนาฬิกาทรายสีส้ม ด้านบนมีสีน้ำตาลสลับขาวลายเป็นริ้วๆ มีจุดสีดำสลับขาวตรงท้อง     ข้างละ 3 จุด รวมเป็น 6 จุด วางไข่ครั้งละ     200-400 ฟอง

 

          สาเหตุการแพร่ระบาดนั้น คาดว่าจะเข้ามากับเรือสินค้าเป็นหลัก และมีรายงานด้วยว่ามีพ่อค้าบางคนนำมาขายให้คนที่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลก โดยไม่รู้ว่าเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรง ขณะนี้ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการว่ามี ผู้เสียชีวิตจากการถูกแม่ม่ายน้ำตาลกัด แต่มีรายงานการถูกกัดแล้วจากหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่ผู้ถูกกัดจะมีอาการแพ้อย่างแรง แผลจะเหวอะหวะ และเป็นผื่นบวมแดงเจ็บปวด มีหนอง แผลจะหายช้ามาก เพราะพิษทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบน้ำเหลือง และทำลายเม็ดเลือดขาว คนที่ถูกกัดส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าแผลดังกล่าวเกิดจากอะไร ขณะนี้ยังไม่มีเซรุ่ม หรือยาถอนพิษ ทำได้แค่รักษาตามอาการเท่านั้น ยังโชคดีว่า แมงมุมชนิดนี้ไม่มีนิสัยดุร้าย ไม่โจมตีหรือบุกกัดใครอย่างไม่มีเหตุผล จะหลบมากกว่าสู้ และจะกัดเมื่อถูกรุกรานที่อยู่เท่านั้น

 

          นักวิจัยแมงมุมให้ข้อสังเกตความแตกต่างระหว่างแมงมุมทั่วไปกับแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลว่า นอกจากลักษณะลำตัวแล้ว ให้สังเกตลักษณะการทำรัง หรือการชักใย แมงมุมทั่วไปจะชักใยค่อนข้างสวยงามเป็นระเบียบ และชักใยอยู่ที่สูง เช่น ตามขื่อ ตามคาน หรือหลังคาบ้าน แต่แม่ม่ายน้ำตาลจะทำรังอยู่ที่ต่ำ สูงไม่เกิน 1 เมตร ลักษณะรังหรือใยจะยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ พบเห็นได้ตามใต้โต๊ะ เก้าอี้ รองเท้าเก่าในบ้าน ที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กๆ ที่ชอบคลานเข้าไปอยู่ตามซอกมุมบ้าน หากไปเจอแมงมุมชนิดนี้อาจ    จะถูกกัด และตกอยู่ในอันตรายได้ ขณะนี้    อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลในเชิงลึก รวมทั้งเรื่องการกระจายพันธุ์ จึงขอความร่วมมือ สำหรับผู้พบเห็นแมงมุมที่มีลักษณะดังกล่าว ขอความกรุณาแจ้งมายังภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ด้วย

 

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

update 19-01-52

Shares:
QR Code :
QR Code