เตือนเครื่องแกง-ชามีโลหะหนัก
อาจารย์ประจำภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เผยงานวิจัยพบเครื่องแกงที่ใช้ปรุงอาหารตำรับอาหารไทย มีการปนเปื้อนของโลหะหนักบางชนิดที่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต เช่น ปรอทสารหนู ตะกั่ว ปนเปื้อนในอาหารและสมุนไพรชนิดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เตือนถ้าได้รับเป็นประจำจะส่งผลให้เกิดพิษสะสมในระยะยาวซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ภญ.รศ.ดร.ชุติมา ลิ้มมัทวาภิรัติ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้ทำวิจัยเรื่อง “การตรวจสอบปริมาณโลหะหนักปนเปื้อนในชาสมุนไพรและเครื่องแกงโดยใช้ icp-ms”กล่าวสาเหตุของโลหะหนักที่ปนเปื้อนในสมุนไพรและอาหาร เกิดจากการใช้สารเคมีต่างๆ ในการเพาะปลูกพืช เช่น ปุ๋ยเคมี และยาฆ่าแมลง รวมถึงกระบวนการเก็บเกี่ยว การเก็บรักษา และการขนส่งที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ภาชนะหรืออุปกรณ์ รวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตยังอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการปนเปื้อนของโลหะหนัก ด้วยการสุ่มเก็บตัวอย่างเครื่องแกงเผ็ด แกงเขียวหวาน ชาใบหม่อนและชาคำฝอย จาก 10จังหวัดในภาคตะวันตก พบว่าตัวอย่างเครื่องแกงเขียวหวานและชาคำฝอยมีการปนเปื้อนของโลหะหนักที่สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน
โลหะหนักที่พบได้บ่อยว่ามีปริมาณสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานในเครื่องแกงเขียวหวาน คือทองแดง (cu)โลหะหนักที่พบได้บ่อยว่ามีปริมาณสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานในชาคำฝอย คือเหล็ก (fe) ซึ่งทั้งทองแดงและเหล็กจัดเป็นโลหะที่มีความสำคัญต่อร่างกาย แต่หากได้รับในปริมาณสูงหรือได้รับสะสมเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้
ผู้วิจัยยังกล่าวอีกว่า “โลหะหนักประเภทสารหนูจัดเป็นเภสัชวัตถุในตำรับยาแผนโบราณ ซึ่งใช้ในปริมาณที่ต่ำมาก มีรายงานการพบสารหนูในยาลูกกลอนของประเทศจีน ซึ่งเป็นพิษต่อระบบโลหิต ไต ทางเดินอาหาร และผิวหนัง โดยจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ ยอกจากนี้ในประเทศไทยยังพบการปนเปื้อนของสารหนูในชาคำฝอย”
จาการวิจัยส่งผลให้คณะเภสัชศาสตร์จัดการอบรมเกี่ยวกับอันตรายจากการปนเปื้อนของโลหะหนักในยาสมุนไพรและอาหารที่ประกอบด้วยพืชสมุนไพร โดยให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป เกษตรกร และผู้ผลิตสินค้าจากพืชสมุนไพร รวมถึงประชาชนทั่วไปให้ตระหนักถึงอันตรายจากโลหะหนักปนเปื้อน หันมาสนใจมากขึ้นในขั้นตอนการเพาะปลูกที่ไม่ใช่สารเคมีอันตราย และกระบวนการผลิตที่ถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้ผู้บริโภคยังได้ทราบถึงวิธีการเลือกรับประทานสมุนไพรและอาหารปลอดภัยอีกด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก