เด็กไทยไม่ชอบอ่าน ดันศพด.รณรงค์
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แม้สถิติการอ่านของประชากรไทยปี 2558 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่สถานการณ์การอ่านในเด็กยังน่าห่วง ล่าสุดสำนักงานสถิติแห่งชาติเผย คนไทยอ่านหนังสือมากขึ้นเป็น 77.7% หรือประมาณ 48 ล้านคน อ่านมากขึ้นเป็น 66 นาที/วัน คนไทยนิยมการอ่านผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากถึง 50% แต่ 96% บอกว่ายังชอบจับหนังสือเป็นเล่มอยู่ ชี้การส่งเสริมการอ่านดีที่สุดคือการรณรงค์ผ่านครอบครัวและโรงเรียน
นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านได้ร่วมกับ สถาบันสื่อเด็กและเยาวชน แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ ภายใต้สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม และสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. ได้เปิดโครงการมหัศจรรย์สื่อสร้างสรรค์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 เพื่อสนับสนุนทุนและการสร้างเสริมกระบวนการเรียนรู้และพื้นที่สร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาเด็กเล็กให้เติบโตอย่างมีสุขภาวะที่ดีครบด้าน เพราะจากการสำรวจพบว่า เด็กเล็กในช่วงวัย 2-6 ปี ถือว่ามีความสำคัญต่อการปลูกฝังพัฒนาการด้านต่างๆ ทั้งด้านทัศนคติ การพัฒนาการทางอารมณ์ สังคม และการพัฒนาการด้านทักษะการรับรู้ทางด้านสมอง ระบบประสาทต่างๆ ซึ่งกำลังเจริญเติบโตสูงสุดกว่า 80% ของชีวิตมนุษย์
หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญของการพัฒนานี้คือ หนังสือ กระบวนการจัดการเรียนรู้ของครู-พี่เลี้ยงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจึงมีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาศักยภาพของเด็ก ซึ่งหากได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพจะสามารถสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศได้ การออกแบบสื่อและพื้นที่สร้างสรรค์ รวมถึงภูมิความรู้ต่างๆ จะช่วยให้เด็กสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่มีคุณภาพได้ด้วยตัวเอง
ในปีที่ผ่านมาทางแผนงานฯ ได้จัดชุดหนังสือดีที่เหมาะสมกับวัยและความสนใจของเด็กจำนวนกว่า 50 เล่ม ให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 200 แห่งทั่วประเทศที่ได้รับการคัดสรรเข้าร่วมโครงการ นำไปทดลองใช้งานกับพ่อแม่และผู้แวดล้อมเด็ก หากมีความรู้ในเรื่องการเลือกสรรหนังสือเด็กอย่างเหมาะสม อ่านหนังสือให้เด็กเล็กฟังทุกๆ วัน จะทำให้เด็กมีความสุข ความเพลิดเพลินทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที เด็กจะถอดรหัสและอ่านหนังสือออกได้อย่างอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับ ทำให้เด็กซึมซับคำสอนที่แนบเนียนอยู่ในหนังสือแต่ละเล่ม หนังสือเด็กเหมือนวรรณกรรมชั้นดีที่อยู่ใกล้ตัว เด็กจะเสพหนังสือด้วยความอิ่มเอมอย่างรื่นรมย์ และมีความลึกซึ้งในเรื่องของสุนทรียะ
"เด็กควรได้รับการปูพื้นฐานทางภาษาที่จะนำไปสู่การสอนการอ่านอย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ยังเล็ก เพราะการอ่านคือกุญแจที่จะไขประตูไปสู่การเรียนรู้ภาษาที่รุ่มรวย ลึกซึ้ง ซึ่งเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กอย่างแยกกันไม่ได้ นอกจากนี้ การปูรากฐานการอ่านที่แข็งแรงจะนำไปสู่การเขียนที่ดี ซึ่งทั้งการอ่านและเขียนนั้นก็จะเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ตลอดชีวิตของเขา" ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส.กล่าว
ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส.กล่าวต่อว่า เพื่อประเมินว่าหนังสือที่ทางศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวนกว่า 200 แห่งทั่วประเทศได้รับไปนั้น ใช้งานแล้วมีผลตอบรับกลับมาเป็นอย่างไร ทางแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านจึงได้จัดทำแบบสำรวจความต้องการในการใช้หนังสือในศูนย์เด็กเล็กขึ้น เพื่อรวบรวมข้อมูลเผยแพร่ให้กับคุณครู และพ่อแม่ ผู้ปกครอง เพื่อจะได้เน้นข้อมูลจากประสบการณ์เตรียมความพร้อมทางด้านภาษาให้กับเด็กปฐมวัยต่อไป ซึ่งสามารถติดตามได้ที่ www.happyreading.in.th เร็วๆ นี้
"เมื่อผลสำรวจออกมา เราหวังว่าผู้แวดล้อมเด็กหรือผู้ผลักดันนโยบายจะได้เห็นถึงความสำคัญ และเปิดโอกาสให้เด็กทุกคนบนแผ่นดินไทยได้เข้าถึงหนังสือดีๆ เข้าถึงหนังสือฟรีที่เหมาะกับแต่ละช่วงวัยได้อย่างทั่วถึง เพื่อเป็นสวัสดิการและวัคซีนให้กับเด็กไทยในช่วงอายุ 0-6 ปี ที่ถือเป็นช่วงที่สมองมนุษย์เจริญเติบโต มีขีดความสามารถสูงสุด"
นอกจากนี้ นางสุดใจยังเผยถึงประสบการณ์การทำงานส่งเสริมการอ่านในเด็กว่า แม่หลายคนไม่รู้จักการเลือกหนังสือให้เหมาะสมกับช่วงวัย ทำให้การอ่านไม่ส่งผลสำเร็จ เพราะเด็กจะไม่สนใจหนังสือที่ไม่เหมาะกับวัยของเขา
"จากประสบการณ์ที่ลงพื้นที่ทำงานขับเคลื่อนการอ่าน พบเคสหนึ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะส่งเสริมการอ่าน คือครอบครัวที่เป็นใบ้ทั้งครอบครัว แต่ต้องชื่นชมคุณแม่ที่มีความมุ่งมั่น โดยจะอุ้มลูกไปบ้านของอาสาสมัครชุมชนทุกวัน ให้อาสาสมัครอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ปรากฏว่าเด็กคนนี้สามารถพูดได้ เรียนภาษามือจากพ่อแม่เพื่อสื่อสารได้ และเป็นเด็กที่เรียนดี จนเด็กกลายเป็นสมบัติที่มีค่าของชุมชน ซึ่งดิฉันเชื่อว่าเป็นความมหัศจรรย์จากการอ่าน" ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส.กล่าวทิ้งท้าย
จากความสำคัญเหล่านี้ หากเกิดการผลักดันทำให้เด็กแรกเกิดทุกภูมิภาคทุกคนบนแผ่นดินไทยเข้าถึงหนังสือตั้งแต่แรกเริ่ม หรือได้รับหนังสือที่เหมาะสมเป็นสวัสดิการสมวัย ก็เชื่อว่าจะเป็นโอกาสทองในการพัฒนาการในทุกด้าน เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ที่จะพัฒนาประเทศชาติต่อไป