เด็กไทยเสี่ยงเป็นโรคไฮเปอร์-สมาธิสั้น
เหตุกินอาหาร ที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลจากรายงาน ประจำเดือน มกราคม 2551 ของศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหารแผนกวิเคราะห์ข้อมูล ฝ่ายบริการข้อมูลและสารสนเทศสถาบันอาหาร ระบุว่า ปัจจุบันวัตถุเจือปนอาหาร ให้สามารถเก็บได้นาน สีสัน สวยงามสม่ำเสมอตลอดอายุการเก็บ ซึ่งสารเหล่านี้ บางชนิดผลิตจากสารเคมีสังเคราะห์ ที่ถูกควบคุมและจำกัดด้านปริมาณ โดยในทั่วโลก ต่างให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุเจือปนอาหารนี้อย่างมาก
ซึ่งล่าสุดในเดือนตุลาคม 2550 นักวิจัยจากประเทศอังกฤษ ที่ได้เผยแพร่ผลการวิจัยในวารสารทางการแพทย์ชื่อดัง พบว่า การใช้สีผสมอาหารสังเคราะห์ร่วมกับสารโซเดียมเบนโซเอต ซึ่งเป็นวัตถุกันเสีย หรือในภาษาชาวบ้านที่เรียกว่า สารกันบูด ชนิดหนึ่งที่ใช้ผสมอาหารอย่างแพร่หลายในอาหารประเภทขนมหวาน ลูกกวาดลูกอม ไอศกรีม น้ำผลไม้และน้ำอัดลม อาจเป็นสาเหตุทำให้เด็กอายุระหว่าง 3-9 ปีมีพฤติกรรมไม่หยุดนิ่ง ที่เรียกกันว่า อาการ “ไฮเปอร์” หรือเป็นโรคสมาธิสั้น
ทั้งนี้ โดยสามารถสังเกตได้จากเด็กจะไม่สามารถควบคุมสมาธิและการเคลื่อนไหวของตนเองได้ วอกแวกง่าย อยู่ไม่นิ่ง ซุกซนผิด ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอาทิ ผลการเรียนตกต่ำ เป็นต้น ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกซื้อขนม หรือเครื่องดื่มให้เด็กๆ ผู้ปกครองควรอ่านฉลากให้แน่ใจว่า ขนมหรือเครื่องดื่มที่เด็กๆ ชื่นชอบปราศจากวัตถุกันเสีย
ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาที่หน่วยงานภาครัฐต้องเร่งกระตุ้นและสนับสนุน คือการลดการใช้สีสังเคราะห์และสารกันเสียในการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงลูกกวาดขนมหวาน เค้ก เบเกอรี น้ำผลไม้และน้ำอัดลม
ที่มา : สยามรัฐ
ภาพประกอบ : www.thaihealth.or.th
update 28-04-51