เครือข่ายครอบครัวฯ หนุน วธ.จัดระบบเรตติ้งละครวาบหวิว

ทุกฝ่ายหนุน วธ.เดินหน้าจัดเรตติ้ง “ครุหยุย” เสนอรัฐตั้ง กบว.คุณภาพด้าน “นักวิชาการ” อัดระบบเรตติ้งไทยยังคลานเป็นเต่า ไร้ประสิทธิภาพขณะที่ “เครือข่ายครอบครัว” เตรียมยืนหนังสือถึง “นิพิฏฐ์” 9 พ.ค.นี้ จี้สางปัญหาเรตติ้ง

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก และอดีต ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวถึงกรณีกระทรวงวัฒนธรรม รวมถึงภาคประชาสังคม ออกมาขับเคลื่อนทบทวนการจัดเรตติ้งรายการโทรทัศน์ใหม่ โดยเฉพาะการให้รายการโทรทัศน์ที่จัดอยู่ในเรต น18+ ออกอากาศหลังเวลา 22.00 น. และ เรต น20 ออกอากาศหลังเวลาเที่ยงคืน ว่า การกำหนดช่วงเวลาของเรตติ้งเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อการคุ้มครองเด็กและเยาวชน

ทั้งนี้ก็เพื่อให้หลีกเลี่ยงการชมรายการที่มีเนื้อหารุนแรง ไม่เหมาะสมรวมถึงรายการที่มีฉากที่เด็กยังไม่ควรรับชม ขณะเดียวกัน เด็กและเยาวชนกลับได้ประโยชน์ในการชมรายการที่มีเนื้อหาสาระสร้างสรรค์ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ก่อนเวลา 22.00 น.

“การดำเนินการเรื่องนี้ ถือว่าภาครัฐต้องเหนื่อยพอสมควร เพราะต้องแข่งขันกับเรื่องธุรกิจ และผลประโยชน์มหาศาล และเป็นเรื่องที่ทางสถานีโทรทัศน์ไม่ค่อยยินยอม และจะทำให้หาข้อสรุปไม่ได้ “นายวัลลภ กล่าว

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาถือว่าระบบการจัดเรตติ้งหยุดนิ่ง ในเรื่องการจำกัดช่วงเวลา ทำให้เกิดรายการโทรทัศน์ที่ไม่สร้างสรรค์มากขึ้น ส่วนหนึ่งต้องโทษภาครัฐที่ไม่ดูแลและจัดสรรคณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (กบว.) ให้มีประสิทธิภาพ ในการตรวจสอบรายการโทรทัศน์

เครือข่ายครอบครัวฯ หนุน วธ.จัดระบบเรตติ้งละครวาบหวิว

ขณะเดียวกัน กบว. ช่องสลับเปลี่ยนหน้ากันตลอด จึงเป็นเหตุทำให้หน่วยงานภาครัฐหยุดนิ่ง ไม่เอาใจใส่ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ส่งผลให้รายการโทรทัศน์บางช่องมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมยิ่งขึ้น ดังนั้น การแก้ปัญหาในส่วนกาครัฐคือ สามารถไปทำหน้าที่เป็น กบว. ที่สำคัญอยากเสนอให้จัดจุดรับเรื่องร้องเรียนถึงการแพร่ภาพออกอากาศรายการที่เนื้อหาไม่สอดคล้องกับเรตติ้งที่กำหนดควบคู่ไปด้วย พร้อมกำหนดบทลงโทษที่ชัดเจน หากทำได้เช่นนี้แล้วปัญหาการควบคุมดูแลจะกลายเป็นความร่วมมือกันเฝ้าระวังสื่อในสังคมไทย

“หากปรับเปลี่ยนเรตติ้งจริง ผมคิดว่า การนำเสนอละคร คงไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก และละครยังสามารถฉายต่อได้ แต่ขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในกฎกติกาที่กำหนด อย่าคิดถึงแต่กำไร ยกตัวอย่างเช่น ละครที่มีเนื้อหาโชว์เนื้อหนังให้ฉายหลัง 23.00 น.ขึ้นไป ทำให้ไม่มีใครมาว่าได้ถ้าคุณอยู่ในกฎกติกา ขณะเดียวกันสถานีโทรทัศน์น่าจะมีสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมอยู่แล้ว หากมีตรงนี้ไม่น่าจะมีปัญหาที่จะปรับเปลี่ยนการจัดเรตติ้ง โดยมีเงื่อนไขเวลา และเนื้อหาการนำเสนอ” เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าว

นายอิทธิพล ปรีติประสงค์ด้าน นายอิทธิพล ปรีติประสงค์ นักวิจัยสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการจัดเรตติ้งรายการโทรทัศน์ในปัจจุบันว่า จากที่ทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2550 พบว่า การจัดเรตติ้งของไทยเป็นสร้างแรงจูงใจส่งเสริมให้มีรายการดีๆ มากขึ้น แต่ยังคงไม่พัฒนาเป็นเพียงการแปะสัญลักษณ์ บางรายการยังจัดเรตติ้งไม่ตรงกับสัญลักษณ์ตั้งไว้

รวมทั้งปัญหาคือ การสื่อสารให้คนเข้าใจยังไม่ชัดมาก เป็นเพียงเครื่องมือให้พ่อแม่เลือกรายการให้ลูก แต่ระบบนี้ยังไม่เคยถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง ซึ่งในต่างประเทศการจัดเรตติ้งทำมานานแล้ว และกว่าจะคงที่ลงตัวใช้เวลาประมาณ 5-10 ปี แต่ประเทศไทยเพิ่งเริ่มเมื่อปี 2550

“ระบบเรตติ้งต้องอาศัยกลไกอื่นเข้าช่วยมากกว่าการใช้สัญลักษณ์ เช่น ทำความเข้าใจกับ พ่อ แม่ ที่ผ่านมามีน้อยมาก ความถูกต้องจริงในการจัดเรตติ้งมีน้อย เกรณ์ระดับเหมาะสมควรมีเพศ ภาษา ความรุนแรง อย่างละครเรื่องดอกส้มสีทอง  ประเด็นหลักคือเรื่องเพศ ที่ไม่ได้เป็นไปตามทำนองครองธรรม ถือว่าเป็นระดับกลางไม่ใช่ระดับน้อย เรื่องความรุนแรงค่อนข้างเยอะ ดังนั้นการกำหนดเรตกลุ่ม “น.18″ จะมีความระวังมากขึ้น” นายอิทธิพล กล่าว

ด้าน นางอัญญาอร พาณิชพึ่งรัช หัวหน้าเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ เปิดเผยว่า วันที่ 9 พฤษภาคม เวลา 11.00 น. เครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อจะเดินทางไปกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อยืนหนังสือสนับสนุนแนวทางของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม ที่จะให้ละครโทรทัศน์ระดับ “น.18+” ออกอากาศตั้งแต่เวลา 22.30 น.

“นอกจากนี้ จะทำหนังสือสนับสนุนแนวทางดังกล่าวไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน ส่วน กทช.นั้น ทางเครือข่ายจะทำหนังสือเพื่อขอให้ดำเนิน และตรวจสอบการจัดระดับความเหมาะสมของสื่อโทรทัศน์อย่างเร่งด่วน ในการจัดระดับความเหมาะสมของสื่อโทรทัศน์ ทั้งในด้านการจัดระดับลักษณ์ที่ถูกต้องตรงตามหลักเกณฑ์และการจัดสรรช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองเด็ก เยาวชนและครอบครัว ในฐานะที่เป็นผู้บริโภคสื่อในสังคม” นางอัญญาอร กล่าว

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ขณะที่ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า การที่เด็กมานั่งดูอยู่ ด้วยแม้จะจัดเรตติ้งอายุ 18 ปี ขึ้นไปนั้น น่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากในเรื่องของเวลา ละครค่อนข้างจะเร็ว เป็นเวลาของเด็กที่ยังไม่นอน และด้วยความเป็นมาของตัวละคร ทั้งนี้ส่วนตัวคิดว่า ควรจะย้ายเวลาน่าจะดีกว่า ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องนี้ แต่ถ้าเรื่องไหนที่มีเนื้อหาลักษณะเดียวกันควรจะขยับเวลา

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

Shares:
QR Code :
QR Code