อบต.หนองโรง พาคนอยู่กับป่า มีสุขกับการพึ่งตนเอง

อบต.หนองโรง มีพื้นที่ 152 ตารางกิโลเมตร ดูแล 17 หมู่บ้าน มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบและที่ราบเชิงเขา สภาพดินเป็นดินร่วนปนทราย ชาวบ้านทำนา ทำไร่ และเลี้ยงวัวพันธุ์พื้นเมือง

สุวรรณวิชช์ เปรมปรีดิ์ปัจจุบันมี สุวรรณวิชช์ เปรมปรีดิ์ เป็นนายก อบต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีวิธีการบริหารงานโดยใช้ชุมชนเป็นกลไกช่วยขับเคลื่อน มี อบต.เป็นพี่เลี้ยง

การบริหารงานของ อบต.หนองโรง ถือเป็นการบริหารจัดการด้วยวิธีจิตอาสารักษาป่าชุมชนและสิ่งแวดล้อม นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมตัวกันทำให้ “ป่าชุมชนบ้านห้วย สะพานสามัคคี” เป็นแหล่งศึกษาดูงานของท้องถิ่นและเครือข่าย ป่าชุมชนทั่วประเทศ

ชื่อเสียงของ อบต.หนองโรง จึงคุ้นหูในหมู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเรื่องของสุขภาวะ การขับเคลื่อนงานของ อบต.หนองโรง ตามโครงการจัดการสุขภาวะตำบลหนองโรงและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเครือข่ายเพื่อชุมชนท้องถิ่น น่าอยู่อย่างยั่งยืนนี้ มีภาคีเครือข่ายร่วมพัฒนาหลากหลาย ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 21 แห่ง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเครือข่ายขยายผล 40 แห่ง

สำหรับการจัดการสุขภาวะชุมชน โดยชุมชนของ อบต.หนองโรงนั้น ประกอบด้วยระบบย่อยที่เกี่ยวข้อง คือ ระบบบริหารจัดการตำบลใช้หลักการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับของตำบล โดยหนุนเสริมให้ภาคประชาชนเกิดแนวคิดการพัฒนาสิ่งต่างๆ ของตำบล ผ่านการจัดเวทีสร้างความเข้าใจ และสร้างบรรยากาศการคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อให้เกิดการจัดการตนเอง อีกทั้งยังเน้นการสร้างวิถีความสมดุลของคนและสิ่งแวดล้อมอย่างเชื่อมโยงกับวิถีชีวิต

อบต.หนองโรง พาคนอยู่กับป่า มีสุขกับการพึ่งตนเองระบบสวัสดิการชุมชน เน้นการสร้างนิสัยการออม การลดรายจ่าย แบ่งปันกำไรคืนสู่ชุมชนด้วยการจัดการโดยภาคประชาชนที่มีการเกื้อกูลกันอย่างพี่น้อง เกิดสังคมเอื้ออาทรและช่วยเหลือกันยามยากได้ด้วยตนเอง

ระบบเศรษฐกิจชุมชน ทำให้คนในตำบลมารวมตัวกันเพื่อนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาต่อยอดและสานต่อความคิด การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างเป็น อาชีพเสริม และเพิ่มรายได้ โดยเน้นการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นมาเป็นวัตถุดิบ

ระบบส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชน ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนโดยการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การอยู่อย่างพอเพียง และการสร้างสำนึกรักบ้านเกิด และการเรียนรู้จากห้องเรียนแบบธรรมชาติ รวมถึงมีการหนุนเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้การเป็น จิตอาสาในการพัฒนาตำบล เพื่อให้เด็กเกิด ความรักและภาคภูมิใจในถิ่นกำเนิด มีการทำงานเพื่อส่วนรวมและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นต่อไป

ระบบการจัดการป่าและสิ่งแวดล้อม เน้นการทำงานเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทั้งดิน น้ำ ป่า ให้คนเกิดความสมดุลระหว่างป่า ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยใช้กลไกการพลิกฟื้นวัฒนธรรมการอยู่กับป่า การสร้างคุณค่าของป่า และการถ่ายทอดสู่ คนรุ่นหลัง เพื่อให้เกิดจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกับป่า และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ต่อไป

ระบบภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่น สร้างจิตสำนึกและการเรียนรู้ในการฟื้นฟูอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม การรวมทุนทางสังคมของตำบลและนำใช้ในการอยู่ร่วมกันของคนในตำบลทุกวัยผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นตัวประสาน ให้คนในตำบลมีความรัก ความสามัคคี ลดความ ขัดแย้งและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและมีเอกลักษณ์ของตนเอง

อบต.หนองโรง พาคนอยู่กับป่า มีสุขกับการพึ่งตนเองระบบอาสาสมัคร ตำบลหนองโรงมีฐานความเป็นเครือญาติที่เชื่อมร้อยคนทั้ง 17 หมู่บ้านเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เกิดคนมีจิตอาสาเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาสาธารณะ ปกป้องทรัพยากรไว้ให้ลูกหลาน ตลอดจนการพัฒนาตำบลร่วมกันในหลากหลายกลุ่ม และ หลากหลายรูปแบบ เช่น ราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า กลุ่มพลังศรัทธา เป็นต้น

สุวรรณวิชช์ บอกว่า การดำเนินการโครงการ ดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 ถึงกันยายน 2556 ในช่วงแรกดูจะไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการดำเนินการโครงการ แต่เมื่อมีโอกาสดูงานในพื้นที่ตำบลสุขภาวะต้นแบบ อบต.ปากพูน และเทศบาลตำบลปริก จึงทราบแนวทาง และกลับมาชวนผู้นำกลุ่มต่างๆ ให้มาเข้าร่วม

“เมื่อได้รับการสนับสนุน จาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทุกคนได้มีส่วนร่วมในทุกเรื่องเพื่อขับเคลื่อน และถอดบทเรียน มีการจัดทำหลักสูตรเพื่อถ่ายทอดให้คนในชุมชนตำบลหนองโรง และถ่ายทอดไปสู่ตำบลเครือข่ายในจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี นครปฐม จันทบุรี สุพรรณบุรี”

สำหรับจังหวัดกาญจนบุรี มี 60 ตำบลมา เรียนรู้แลกเปลี่ยนกับ อบต.หนองโรง ทำให้ชาวบ้านหนองโรงตระหนักและรู้ถึงความสำคัญของป่า ส่งผลให้เกิดการทำแนวกันไฟ การออกสำรวจ ลาดตระเวน หรือการออกกฎระเบียบเพื่อใช้ประโยชน์จากป่า รวมทั้งการปลูกฝังให้เยาวชนเกิดจิตสำนึกรักป่า

ที่สำคัญคือ เมื่อทุกท้องถิ่นทุกชุมชนได้รู้จักตัวเอง และลุกขึ้นมาจัดการตัวเอง ทำให้คนมีศักดิ์ศรี หันมาดูแลสุขภาพ โดยหวังว่า เมื่อ ชาวบ้านกลับเข้ามาจัดการตนเองทุกตำบลหมู่บ้านแล้ว ประเทศไทยจะพัฒนาขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน

“ทรัพยากรธรรมชาติถือเป็นทุนทางสังคม ของตำบลหนองโรง หลังจากชาวบ้านร่วมกันรักษา ฟื้นฟูป่าชุมชนบ้านห้วยสะพานสามัคคี จนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง น้ำและอาหารก็กลับมา ที่สำคัญป่ายังกลายเป็นห้องเรียนขนาดใหญ่ คนในชุมชนเกิดกระบวนการเรียนรู้ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่มาของโครงการจัดการ สุขภาวะตำบลหนองโรง และองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเครือข่ายเพื่อชุมชนท้องถิ่นได้อยู่อย่างยั่งยืน

การจัดการสุขภาวะภายในของตำบลหนองโรง โดยมีป่าชุมชนเป็นศูนย์กลางส่งผลให้มีการขับเคลื่อนกิจกรรมอย่างเป็นระบบ ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการพัฒนา ชุมชนนี้จึงเป็นอีกหนึ่งตำบลที่ประสบความสำเร็จ ที่ทุกคนภาคภูมิใจที่ทำให้ตำบลหนองโรงมีความสุขจากการพึ่งพาตนเอง” สุวรรณวิชช์กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

Shares:
QR Code :
QR Code