องค์กรซ่อนอ้วน 2 ปฏิวัติขจัดไขมัน

          สำหรับพนักงานออฟฟิศที่หาเช้ากินค่ำ นั่งติดที่อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงระดับพนักงาน อาจมีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคต่างๆ มากมาย โดยหนึ่งในนั้นคือโรคอ้วน ซึ่งบ่อนทำลายสุขภาพร่างกายให้เสื่อมโทรมลง


/data/content/26129/cms/e_bgikpqsxz246.jpg


          เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวิร์กช็อป "The firm องค์กรซ่อนอ้วน 2" เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินของพนักงานในองค์กรภายใต้แนวคิด "ลดพุง ลดโรค" ร่วมด้วยบุคลากรจากองค์กรชั้นนำมากมาย


          นางเบญจมาภรณ์ จันทรพัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. กล่าวว่า จากความนิยมของรายการเรียลลิตี้ "The firm องค์กรซ่อนอ้วน 2" ทำให้เกิดกระแสการตื่นตัวทางด้านสุขภาวะในองค์กรต่างๆ ทาง สสส.เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวจึงจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปเพื่อฝึกอบรมและแลกเปลี่ยนทัศนคติระหว่างองค์กร ซึ่งแต่ละองค์กรจะส่งตัวแทนจำนวน 3 คน ประกอบด้วย ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารบุคคล และบุคลากรผู้นำด้านการส่งเสริมสุขภาวะประจำองค์กรมาเข้าร่วมอบรม โดยเน้นการหาสาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาภาวะอ้วนลงพุงของพนักงาน และหลังจากร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ทางตัวแทนแต่ละองค์กรจะนำความรู้ที่ได้กลับไปปรับใช้เพื่อให้กลายเป็นองค์กรซ่อนอ้วนต่อไป


          พญ.วรรณี นิธิยานันท์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายคนไทยไร้พุง เผยว่า โรคอ้วนลงพุงเกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้ตับอ่อนต้องสร้างอินซูลินในปริมาณมาก เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาโรคเรื้อรังต่างๆ ตามมา ทั้งโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน พบมากในวัยคนทำงาน โดยสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรม อาทิ พวกที่ชอบทำงานไปรับประทานไป ไม่มีการออกกำลังกาย และปัญหาจากกรรมพันธุ์ โดยในชายและหญิงนั้นจะมีลักษณะการอ้วนลงพุงที่แตกต่างกัน


          สัญญาณที่เตือนว่าเสี่ยงต่อโรคอ้วนลงพุงนั้น สามารถวัดได้จากเส้นรอบเอว หากมีเส้นรอบเอวเกินกว่า 90 ซม. และ 80 ซม. ในชายและหญิง ถือว่าอยู่ในเกณฑ์เสี่ยง หากคนไข้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วนลงพุง ก็จำเป็นต้องปรับพฤติกรรมทั้งการใช้ชีวิตและการทานอาหาร ซึ่งการลดน้ำหนักควบคู่ไปกับดูแลสุขภาพร่างกายตนเอง ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันโรคอ้วนลงพุงนี้ได้


    /data/content/26129/cms/e_fgmoruwyz157.jpg      อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ กล่าวว่า อาการอ้วนลงพุงเป็นอ้วนที่อันตรายที่สุดนำมาสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งฆ่าชีวิตคนไทยไปเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันโรคนี้เป็นกันมากในกลุ่มชาวออฟฟิศ เราจึงลงไปทำงานเพื่อให้พนักงานหันมาใส่ใจตัวเองด้วยการลดน้ำหนักขึ้น ซึ่งจากทฤษฎีการลดน้ำหนักที่ได้ผลมากนั้น จะต้องลดกันเป็นกลุ่มจะได้ผลมากกว่าการลดน้ำหนักคนเดียว


          ปัจจัยที่จะทำให้องค์กรก้าวเข้าสู่องค์กรไร้พุงได้อย่างสมบูรณ์แบบคือ ผู้นำองค์กรจะต้องจริงจังกับนโยบายการรณรงค์ให้คนในองค์กรมีสุขภาพที่ดี และมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน มีทีมงานหรือกลุ่มคณะทำงานที่มีความเข้มแข็งในเป้าหมายและผลักดันไปสู่ความสำเร็จได้ มีแผนปฏิบัติงานรายปีที่ชัดเจนและคนในองค์กรสามารถทำได้ สภาพแวดล้อมต้องเอื้อ มีการควบคุม กำกับและติดตามผลอย่างใกล้ชิด ให้รางวัลและสร้างแรงจูใจให้คนในองค์กรตลอดเวลา มีการรณรงค์และสื่อสารภายในองค์กรตลอดทั้งปี


          โดยกลยุทธ์สำคัญที่นำไปใช้ในการลดน้ำหนักก็คือ หลัก "3 อ." คือ 1.การเลือกรับประทาน "อาหาร" ที่มีประโยชน์ เช่น การลดหวาน มัน เค็ม หันมากินอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ตามสัดส่วนคือ ผักและผลไม้ 50% คาร์โบไฮเดรต 25% โปรตีน 25% และไขมันในสัดส่วนที่น้อย 2.การ "ออกกำลังกาย" ควรทำให้สม่ำเสมออาทิตย์ละประมาณ 150 นาที และ 3.ดูแลรักษา "อารมณ์" อย่างสมดุล คือมีอารมณ์แจ่มใส ไม่ขุ่นมัว ไม่ยึดมั่นถือมั่น  นับเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยให้มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน


          ด้าน รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก รองประธานกรรมการบริหารแผนสำนักรณรงค์สื่อสารสังคม สสส. เผยว่า สถานการณ์เรื่องโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เพราะมีคนที่เป็นโรคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยกลุ่มโรค NCDs ที่พบมากที่สุดก็คือกลุ่มอ้วนลงพุง โดยวิธีการลดภาวะนี้คือ ต้องทำให้คนรู้จักการกินที่ถูกต้อง ไม่หวาน ไม่มัน ไม่เค็ม และหันมาออกกำลังกายมากขึ้น แต่ปัญหาส่วนใหญ่จะเกิดจากกลุ่มคนที่มีภาวะแน่นิ่ง เพราะนอกจากจะไม่/data/content/26129/cms/e_acnoqstuxy15.jpgออกกำลังกายแล้ว ยังคงไม่มีการขยับร่างกาย หรือขยับร่างกายน้อยอีกด้วย เช่น การกินหน้าโทรทัศน์ นอนเล่น เมื่อกินเยอะแต่เผาผลาญน้อย ทำให้มีภาวะไขมันตกค้างสะสมในท้อง และทำให้ไขมันละลายออกสู่กระแสเลือด จึงนำมาสู่การเป็นโรคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต


          รวมพลัง พิชิตอ้วน


          โอ๊ะโอ๋-นภัทรีญาณ์ กระจ่างฉาย อายุ 36 ปี พนักงานบริษัท บอกว่า จากการที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ รู้สึกว่าเป็นกิจกรรมที่ดีอย่างมากในการนำความรู้มาร่วมผลักดันให้คนในองค์กรหันมาใส่ใจดูแลในเรื่องของสุขภาพกันมากขึ้น เนื่องจากสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญและเราจะต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต เมื่อสุขภาพดี หน้าที่การงานก็ย่อมดีตามไปด้วยค่ะ


          ดอย-เกวลิน สาระพันธุ์ อายุ 25 ปีพนักงานบริษัท บอกว่า การที่ได้มาร่วมกิจ  กรรมเวิร์กช็อป "The firm องค์กรซ่อนอ้วน 2" ทำให้เราได้รับความรู้เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น และเป็นความรู้ที่ถูกต้องนำไปใช้ในองค์กรได้เลย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์อย่างมาก ทำให้บุคลากรในองค์กรมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ค่ะ


          หนึ่ง-นัทฐพงษ์ แก้วกนก อายุ 25 ปี พนักงานบริษัท บอกว่า ในบริษัทตัวเองค่อนข้างจะมีคนที่น้ำหนักเกินเป็นจำนวนมาก การมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้จึงสามารถนำความรู้ต่างๆ ที่ได้นำไปปรับใช้ได้ อาทิ การออกกำลังกายบนเก้าอี้ ขจัดโรคออฟฟิศซินโดรม เพียงใช้เวลาไม่นาน 5-10 นาที ก็ช่วยป้องกันโรคได้ แถมยังช่วยลดพุง สุขภาพแข็งแรงขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่ในออฟฟิศเท่านั้น เรายังสามารถนำไปปฏิบัติตามที่บ้านก็ยังได้ เพื่อสุขภาพที่ดีของเราทุกคนครับ


 


 


       ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


       

Shares:
QR Code :
QR Code