ห่วง ‘คลินิก’ ให้ยาไม่ถูกหวั่นดื้อยา

เตือนพบผู้ป่วยเด็ก รีบส่งต่อรพ.ด่วน!!

 

ห่วง ‘คลินิก’ ให้ยาไม่ถูกหวั่นดื้อยา 

          ที่โรงแรมทวินทาวเวอร์ แผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมวิชาการเพื่อพัฒนาระบบยาประจำปี 2552 วันที่ 3 – 4 สิงหาคม 2552

 

          โดย ผศ.ภญ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์สังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้จัดการ กพย. กล่าวว่า การประชุมวิชาการครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การทำงานเฝ้าระวังระบบยา รวมทั้งส่งสัญญาณเตือนภัยด้านระบบยาให้สังคมและฝั่งนโยบายได้รับทราบ

 

          อย่างกรณียาโอเซลทามิเวียร์ที่รักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กระจายให้สั่งจ่ายได้ในคลินิก กพย. เห็นว่า สธ. ควรส่งข้อมูลเรื่องการเก็บรักษาและรับประทานยาให้ประชาชนทราบ เพราะยาดังกล่าวเป็นยาควบคุมพิเศษต้องจ่ายในสถานพยาบาลเท่านั้น ขณะนี้ สธ. ได้จัดทำคำแนะนำสำหรับแพทย์ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยในโรคดังกล่าว แต่กลับไม่มีคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยในการใช้ยาชนิดนี้

 

          กพย. ขอส่งสัญญาณให้ประชาชนทราบว่ายาโอเซลทามิเวียร์ชนิดน้ำ สำหรับเด็กจะต้องบรรจุในขวดแก้วสีชา และที่สำคัญยานี้ผสมอยู่ในน้ำเชื่อมอาจตกตะกอนได้ จึงจำเป็นต้องเขย่าขวดก่อนกินยาทุกครั้ง และผู้ปกครองไม่ควรนำยาดังกล่าวผสมกับนมให้เด็กดื่ม เพราะยานี้จับกับแคลเซียมจะทำให้ตกตะกอนอยู่ก้นขวดนมยิ่งขึ้น เด็กจะได้ยาไม่ครบตามปริมาณที่ใช้ในการรักษา ทำให้ไม่หายได้ผศ.ภญ.ดร.นิยดา กล่าว

 

          ผู้จัดการ กพย. กล่าวอีกว่า การทานยาโอเซลทามิเวียร์ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ วันละ 2 ครั้งเช้า – เย็น ติดต่อกัน 5 วัน ต้องทานจนยาหมด ไม่เช่นนั้นจะมีโอกาสดื้อยาสูงมาก เปรียบเทียบคล้ายกับการทานยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 โอเซลทามิเวียร์ หากมีการดื้อยาจะต้องเปลี่ยนสูตรยาใหม่ที่มีราคาแพงมากมาใช้ ขณะที่ยาชนิดแคปซูลสำหรับผู้ใหญ่ก็ต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 15 – 25 องศาเซลเซียส หรือเก็บในตู้เย็นเหมือนยาน้ำ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ยาเสื่อมประสิทธิภาพ

 

          ผศ.ภญ.สำลี ใจดี ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทางกพย. กล่าวว่า ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สธ. ให้คลินิก 150 แห่ง ที่ จ.ราชบุรีจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ได้ ซึ่งเป็นการผลักภาระเรื่องยาให้แก่แพทย์ ทั้งๆ ที่แพทย์ต้องใช้เวลามากในการตรวจวินิจฉัยโรคให้รอบคอบ และการทำยาตัวนี้ชนิดน้ำแบบฉุกเฉินสำหรับเด็กนั้นต้องปรุงยาโดยเภสัชกรในโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น วันนี้ สธ. ประกาศใช้เงื่อนไข 8 ข้อ ที่จะจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ให้คลินิกเพิ่มอีก 8,000 แห่ง ขอเตือนว่าเมื่อตรวจพบผู้ป่วยเด็ก ต้องรีบส่งต่อไปยังโรงพยาบาลโดยด่วน อย่าสร้างปัญหาโดยการจ่ายยาเอง เพราะจะทำให้เชื้อดื้อยาเพิ่มขึ้น

 

          การกระจายยาโอเซลทามิเวียร์ในระดับคลินิกให้แพทย์ดูแลและสั่งจ่ายยาให้ผู้ป่วยได้ เป็นความหวังดี แต่ขาดความเท่าทันเรื่องการดื้อยา ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก จำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อีกทั้งการกระจายยารวดเร็วโดยไม่จำเป็น อาจไปไม่ถึงมือผู้ที่จำเป็นจริงๆ ผศ.ภญ.สำลี กล่าว

 

          ผศ.ภญ.สำลี กล่าวอีกว่า กพย. คาดหวังว่าการประชุมครั้งนี้ จะทำให้เกิดความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในการสร้างกลไกเฝ้าระวังตรวจสอบอันตรายจากยาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงพัฒนานโยบายแห่งชาติด้านยาให้ทันสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านทรัพย์สินทางปัญญา เพราะนโยบายฉบับที่ใช้อยู่นั้นปรับปรุงครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ศ.2536 หรือ 16 ปีที่ผ่านมา

 

          รวมถึงการแก้ไข พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 และ แก้ไข พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 เพราะเนื้อหานโยบาย และพ.ร.บ.เหล่านี้ก็ไม่ทันกับสถานการณ์ของระบบยาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องยาใหม่ๆ และกลยุทธ์การส่งเสริมการขายยาแบบเหยียดศักดิ์ศรีของคนที่เกิดขึ้นในช่วง 10 – 15 ปี ที่ผ่านมา ให้อยู่ในระดับที่พอดี

 

        

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

 

 

update 05-08-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code