หวั่นร้านยาสาบสูญ
หลังข้อตกลงเอเอฟทีเอบังคับใช้
หวั่นร้านขายยาสูญหายกว่าครึ่ง หลังข้อตกลงเอเอฟทีเอบังคับใช้ไปอีก 5 ปี
นายนิลสุวรรณ ลีลารัศมี ประธานคณะกรรมการประเด็นเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ร้านขายยาเป็นสิ่งที่ล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงที่สุด เพราะการบังคับใช้เขตการค้าเสรีอาเซียน (asean free trade area,afta) ที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2553 ระบุว่าในปี 2558 การค้าและการบริการทุกประเภทจะเปิดอย่างเสรี ดังนั้นย่อมต้องมีทุนต่างชาติเข้ามา
ทั้งนี้ หากร้านขายยารายย่อยยังไม่มีการปรับตัวให้ได้มาตรฐานมีโอกาสหายไปกว่า 50% เพราะจุดอ่อนของร้านขายยาคือการตั้งอยู่กับที่ ดังนั้นเมื่อบังคับใช้เขตการค้าเสรีแล้วจำเป็นต้องปรับตัวออกไปนอกสถานที่ให้เป็นจุดศูนย์กลางของการให้บริการด้านสุขภาพ อาทิ การมีพนักงานให้ข้อมูลประจำร้าน การขายยาทางอินเทอร์เน็ต ดังนั้น ที่สำคัญร้านขายยาจำเป็นต้องจับมือกันรวมเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมร้านขายยา เพื่อสร้างเครือข่ายและความเข้มแข็งทางธุรกิจ ให้รอดจากการแข่งขันโดยทุนข้ามชาติ
นายนิลสุวรรณ กล่าวว่า ประเทศแรกๆ ที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนร้านขายยาคือ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แต่ตามกฎหมายแล้วเมื่อคนไทยถือหุ้น 51% ต่างชาติถือ 49% ร้านก็ยังเป็นสัญชาติไทยอยู่ และคนไทยก็จะได้รับประโยชน์ความร่วมมือของต่างชาติ อย่างไรก็ตามข้อตกลงระบุให้ทุนต่างชาติเป็นได้เพียงเจ้าของ ส่วนการให้บริการอื่นๆ ยังต้องเป็นคนท้องถิ่นของแต่ละประเทศ
ข้อมูลจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ประเทศไทยมีร้านขายยาประมาณ 1.7 หมื่นแห่ง แต่มีเพียง 4% ที่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
update : 11-11-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร