หมอยันสูบบุหรี่ไม่ช่วยรักษาโรค

ตามที่มีข้อมูลอ้างในหนัง

 

          หมอประกิตยืนยันสูบบุหรี่ไม่ช่วยรักษาโรคลำไส้อักเสบได้

 

 

หมอยันสูบบุหรี่ไม่ช่วยรักษาโรค

 

          นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า ไม่เคยได้ยินและคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่บุหรี่จะสามารถรักษาโรคลำไส้อักเสบให้หายได้ตามที่มีการอ้างข้อมูลในภาพยนตร์ โดยเฉพาะสารนิโคตินจะทำได้เพียงกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวเท่านั้น แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันได้ว่านิโคตินสามารถลดอาการอักเสบลงได้

 

          สำหรับผู้ที่ป่วยจนต้องขับถ่ายวันละหลายรอบนั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับชาวยุโรป แต่ในประเทศไทยยังไม่ปรากฏซึ่งถือเป็นเรื่องแปลก อย่างไรก็ตามการสูบบุหรี่เพื่อให้หยุดถ่ายนั้นอาจเป็นเพียงข้อสันนิษฐานที่ยังไม่มีความชัดเจน ทั้งนี้บุหรี่ออกฤทธิ์โดยตรงกับสมองทำให้ผู้สูบรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและผ่อนคลายจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้รักษาโรคได้ และผู้สูบยังเสี่ยงที่จะได้รับสารพิษโดยเฉพาะสารก่อมะเร็งที่อันตราย

 

          ข้อมูลจากรายงานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แลนเซท ฉบับวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่ถึง 6 แสนคนต่อปี ขณะที่องค์การอนามัยโลกเปิดเผยข้อมูลการวิจัย 192 ประเทศ พบควันบุหรี่เป็นฆาตกรฆ่าเด็กไปถึง 2 แสนคน จากโรคหอบหืด ปอดชื้น และหยุดหายใจเฉียบพลัน ทั้งนี้เด็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในแอฟริกาได้รับผลกระทบมากกว่าเด็กในภูมิภาคอื่นของโลก

 

          ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยเป็น 4 โรคหลัก ได้แก่ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง จึงได้มอบให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพจัดทำแผนปฏิบัติการเชิงนโยบายเพื่อส่งให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ดำเนินงานป้องกันให้เป็นรูปธรรม

 

          ทั้งนี้ จะต้องทำให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การบริโภคอาหาร โดยต้องลดปริมาณความหวาน มัน และเค็ม 2.การออกกำลังกายซึ่งต้องออกอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที 3.งดอบายมุขโดยเฉพาะบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

          นอกจากนี้ จะให้ อสม.ช่วยรณรงค์ให้ประชาชนในหมู่บ้านใช้เกลือที่มีไอโอดีนผสมในการปรุงอาหาร โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากขณะนี้พบคนไทยมีไอคิวลดลง ซึ่งไอคิวมาตรฐานอยู่ที่ 90-110 จุด แต่ปีที่ผ่านมาสำรวจพบคนไทยมีไอคิว 91 จุด สาเหตุเกิดจากการขาดสารไอโอดีน จึงต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

 

 

 

update : 07-12-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร

 

Shares:
QR Code :
QR Code