หมอประเวศวอนทุกฝ่ายหลอมเป้าหมายร่วมกันปฏิรูปประเทศได้แน่

 


 


“ประเวศ” วอนทุกฝ่ายร่วมขับเคลื่อนสมัชชาปฏิรูปเพื่อดับทุกข์ให้ประเทศ  แนะใช้พลังทั้ง 5 เคลื่อนสู่สังคมนิพพาน พร้อมส่งมติสมัชชาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเตรียมติดตามผล


หมอประเวศวอนทุกฝ่ายหลอมเป้าหมายร่วมกันปฏิรูปประเทศได้แน่


วันที่ 24 มีนาคม 2554 เวลา 09.00 น. ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธานกรรมการสมัชชาปฏิรูป เป็นประธานเปิดการประชุมสมัชชาปฏิรูประดับชาติครั้งที่ 1ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 มี.ค.นี้ ที่อิมแพค คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เมืองทองธานี


ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า  วันนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่คนไทยมาร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศ สมัชชาปฏิรูปเป็นนวัตกรรมแก้ทุกข์ของชาติ เพราะระบบโครงสร้างของสังคมที่ผ่านมาทำให้คนส่วนน้อยเอาเปรียบคนส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและความเหลื่อมล้ำมากเกินไป ถ้าขาดความเป็นธรรม คนไทยจะไม่รักกัน ไม่รักชาติ เกิดความขัดแย้งและความรุนแรง กระบวนการปฏิรูปจึงต้องใช้พลังปัญญาอย่างเข้มข้น เพื่อนำไปสู่การแก้ไข ซึ่งสมัชชาปฏิรูปมีรูปแบบเฉพาะ เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องยาวนาน มีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา และมีผู้แทนจากพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 2,000 คน ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มเครือข่าย 234 กลุ่ม จากทุกภาคส่วนของสังคมมาร่วมกัน ซึ่งจะเกิดพลังมหาศาล ทำให้คนไทยทุกคนมีจุดหมายเดียวกัน


นพ.ประเวศ กล่าวว่า กระบวนการสมัชชาปฏิรูปเป็นเหมือนพลังทั้ง 5 ที่ประกอบด้วย 1.พลังทางศีลธรรม เกิดจากการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นคน ไม่ใช่สถาบันใดสถาบันหนึ่ง 2.เมตตาธรรม คิดถึงคนทั้งหมด ไม่แบ่งสี แบ่งข้าง 3.พลังทางสังคม ที่เกิดจากคนไทยทุกภาคส่วนร่วมกันคิด 4.พลังทางปัญญา ใช้ความรู้ ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์  และ 5. พลังสันติวีธี ถ้านำทั้ง 5 มารวมกันก็จะนำไปสู่สังคมนิพพาน ที่มีสันติสงบสุข และเป็นธรรม ชนะอุปสรรคที่ขวางกั้นการดับทุกข์ของชาติ ตนอยากให้สนใจในกระบวนการสมัชชามากกว่าประเด็น ถ้ากระบวนการถูกต้อง ก็จะนำสู่การแก้ไขปัญหา จึงต้องช่วยกันขับเคลื่อนสมัชชาปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง ให้หมุนไป อย่างที่ไม่มีใครหมุนกลับได้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมในบ้านเมืองของเรา


ศ.นพ.ประเวศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า วันนี้จะมีการขอมติที่ประชุมสมัชชา  4 เรื่อง 8 ประเด็น คือ 1.เรื่องการปฏิรูปการบริหารประเทศ เป็นการกระจายอำนาจไปสู่ชุมชนท้องถิ่น เพราะปัญหาเกือบทั้งหมดเกิดจากการรวมศูนย์อำนาจ นำมาสู่ความอ่อนแอของชุมชน เกิดความขัดแย้ง การคอร์รัปชั่น เพราะอำนาจเข้มข้นขึ้นนำไปสู่การเมืองที่เลว นำไปสู่การรัฐประหารได้ง่าย ถ้ากระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นจะทำได้ยาก เพราะประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม  


2.การปฏิรูปการจัดการทรัพยากร ถ้าจัดการไม่ดีจะทำให้เดือดร้อน เช่น การปฏิรูปการจัดการที่ดินให้มีที่ทำกิน ดูแลทรัพยากรชายฝั่ง และการคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องที่ดินและทรัพยากร เช่น การดำเนินคดีต่างๆ


3.เรื่องทางสังคม ควรเป็นสังคมไม่ทอดทิ้งกัน คือจะมีการปฏิรูประบบสวัสดิการ ประกันสังคมให้ผู้ใช้แรงงาน 34 ล้านคน ปฏิรูปการจัดการเงินกองทุนประกันสังคม คนชรา เพราะสังคมเราจะมีผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องมีความมั่นคงในชีวิต นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เสนอจากเครือข่ายคนพิการให้นำรายได้จากการจำหน่ายสลากการกุศล 28%เพื่อเข้ากองทุนประมาณ 12,700 ล้านต่อปี ให้เกิดประโยชน์ เกิดสังคมไทยที่ไม่ทอดทิ้งกัน


4. เครือข่ายศิลปินเสนอใช้พลังศิลปะ สร้างพลังสังคมและเยียวยา เพราะสังคมมีความแตกแยก จึงเสนอให้ครม.มีมติให้ทุกหน่วยราชการนำศิลปวัฒนธรรมไปใช้ ให้มีการตั้งสมัชชาศิลปวัฒนธรรมประชาชนในทุกภาค


ประธานกรรมการสมัชชาปฏิรูปกล่าวอีกว่า ทั้งหมดนี้ถือเป็นเพียงข้อเสนอจึงขึ้นอยู่กับการลงมติของสมัชชาส่วนใหญ่ และหลังจากมีมติในกาปรระชุมทั้งสามวันนี้แล้วจะมีการส่งมติของสมัชชาไปยังผู้ปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ถึงจะเปลี่ยนรัฐบาลก็ยังคงเสนอและติดตามวาระกับรัฐบาลทุกชุด รวมทั้งเสนอกับภาคท้องถิ่น และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีการทำงาน 3 ปี ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อกำกับติดตามให้เป็นไปตามมติของสมัชชา โดยไม่ยึดว่าจะเป็นรัฐบาลชุดใด   


เมื่อถามว่าคาดหวังว่าการปฏิรูปต่างๆ จะใช้ได้จริงหรือไม่ ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า เราเสนอเพื่อการขับเคลื่อนทางสังคม หากสังคมเคลื่อน การเมืองก็ต้องทำตาม ทั้งนี้ ไม่ควรติดอยู่กับประเด็นปัญหาเล็กๆ และเอามาเป็นอุปสรรคใหญ่ว่าทำไม่ได้  ขอให้ไปดูความเปลี่ยนแปลงดีๆ ที่เกิดขึ้นมากมายในพื้นที่ และจะเกิดกำลังใจว่าสังคมเปลี่ยนได้จริง


 


 


ที่มา : สำนักข่าว สสส.


 


 


                                


 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ