หนุนคนพิการเรียนฟรีถึงป.ตรี

เปิดหลักสูตรล่ามภาษามือ รุ่นแรกปี 53

 

 หนุนคนพิการเรียนฟรีถึงป.ตรี

          เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ว่า ที่ประชุมได้มีมติร่วมกันอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกว่าจะให้มีการสนับสนุนคนพิการให้ได้เรียนฟรีจนถึงระดับปริญญาตรี

 

          โดยให้มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ และมหาวิทยาลัยที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รวมถึงมหาวิทยาลัยเอกชนทุกแห่ง ให้การสนับสนุนคนพิการได้เข้ารับการศึกษาฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่แต่ละมหาวิทยาลัยนั้นๆ เรียกเก็บกับนักศึกษา และให้แต่ละมหาวิทยาลัยไปพิจารณาว่าจะรับคนพิการเข้าศึกษาในสัดส่วนเท่าใด

 

          โดยที่ประชุมได้มอบให้สภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์และแผนการรับให้แล้วเสร็จก่อนเปิดภาคเรียน 120 วัน และให้เริ่มดำเนินการรับผู้พิการเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2553 นี้

 

          “การให้คนพิการเรียนฟรีถึงระดับปริญญาตรี ก็เพื่อต้องการส่งเสริมการศึกษาให้กับคนพิการ ส่วนที่ให้มหาวิทยาลัยเอกชน ร่วมรับคนพิการเข้าศึกษาด้วยนั้น ก็เพื่อให้มีความหลากหลาย และเพื่อให้คนพิการมีทางเลือก โดยการสนับสนุนการเรียนฟรีในระดับอุดมศึกษานั้น จะครอบคลุมทั้งค่าเล่าเรียน ค่าบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่มหาวิทยาลัย หรือคณะสาขาวิชานั้นๆ เรียกเก็บจากนักศึกษา โดยทาง สกอ.จะเป็นผู้จัดเตรียมงบประมาณเพื่อจัดสรรให้แก่มหาวิทยาลัย แต่หากงบประมาณของ สกอ.มีไม่เพียงพอ ก็สามารถของบประมาณจากกองทุนส่งเสริมการศึกษาสำหรับคนพิการ ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ และค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าครองชีพ ผู้พิการก็สามารถยื่นขอกู้จากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ตามสิทธิ์” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

 

          วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ได้ออกมาเปิดเผยอีกครั้งหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามที่ ศธ.เสนอเรื่องการปฏิรูปการการศึกษาในทศวรรษที่ 2 ระหว่างปี 2552 – 2561 ซึ่งทิศทางการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่สองที่เสนอไปมีเป้าหมายให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะมุ่งเน้นเรื่องการยกระดับคุณภาพ การขยายโอกาส และการแสวงหาการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน รวมทั้งจะดำเนินการผลักดันให้เกิดสถาบันที่จำเป็นขึ้น เช่น สถาบันคุรุศึกษา เพื่อเป็นสถาบันที่กำหนดมาตรฐานในการผลิตครูและพัฒนาครู

 

          นายจุรินทร์ ยังกล่าวต่อว่า นอกจากนั้นจะจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เพื่อกำหนดเกณฑ์ในการชี้วัดสมรรถนะ ในการปฏิบัติงานจริงของผู้จบการศึกษาว่าอยู่ในระดับใด โดยจะมีการกำหนดมาตรฐานในแต่ละแขนงอาชีพออกเป็นระดับๆ เมื่อผู้จบการศึกษาแล้ว ก็สามารถเทียบสมรรถนะว่าตนเองอยู่ในระดับใด เพื่อที่จะได้รับค่าตอบแทนตามคุณวุฒิวิชาชีพนั้น

 

          ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็เป็นความต้องการของภาคเอกชนมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจะนำไปสู่การเปรียบเทียบขั้นเงินเดือนในอนาคตด้วย เพราะแม้ว่านักศึกษาจะจบการศึกษาในระดับที่ไม่สูง แต่มีคุณวุฒิวิชาชีพสูง ก็สามารถได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นได้ ไม่จำเป็นคิดเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาเสมอไป เนื่องจากระบบการให้เงินเดือนในอนาคตมีแนวโน้มจะเทียบเคียงคุณวุฒิวิชาชีพมากกว่าวิชาการ

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

 

 

update 19-08-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

 

อ่านเนื้อหาทั้งหมดในคอลัมน์คลิกที่นี่

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code