ส่งเสริมการอ่านเด็กปฐมวัย ปลุกพลังพลเมืองให้ตื่นรู้
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
แฟ้มภาพ
จากวิกฤติพัฒนาการของเด็กปฐมวัย (0-6ปี) สำรวจโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า พัฒนาการล่าช้าโดยรวมร้อยละ30 และพัฒนาการทางด้านภาษาล่าช้าสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทักษะอื่นๆ เช่น การสื่อสาร การพัฒนาอารมณ์ และสังคม
เพื่อสานพลังความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านการอ่าน จึงได้มีการจัดงาน "มหกรรมการอ่านแห่งชาติ: มหัศจรรย์การอ่านเพื่อเด็กปฐมวัย" เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นำโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ร่วมกับ แผนแม่บทส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ของไทย พ.ศ. 2560- 2564 : กรมส่งเสริมวัฒนธรรมพร้อมด้วยภาคีเครือข่ายส่งเสริมการอ่าน 28 แห่ง
พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง ประธานคณะกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวในฐานะประธานเปิดงานว่า จากวิฤติพัฒนาการทางด้านภาษาของเด็กปฐมวัยที่ล่าช้าผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2558 พบว่า เด็กเล็กยังเข้าไม่ถึงการอ่าน 1.8 ล้านคน นับเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ทักษะด้าน"ฟัง – คิด- เรียน – เขียน – อ่าน" ที่เป็นทักษะพื้นฐานจากการปลูกฝังให้เด็กตั้งแต่เล็กๆ ยังสามารถประยุกต์ใช้ได้ในทุกยุคสมัย
"งานมหกรรมการอ่านแห่งชาติที่ สสส. และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมร่วมกันจัดงานขึ้นเพื่อลดช่องว่างการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ของเด็กปฐมวัย ถือเป็นงานที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันขับเคลื่อนและติดตามอย่างใกล้ชิด เรามีเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ขวบ ที่ยังอ่านแบบไม่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องช่วยดูแล โดยใช้เรื่องการอ่านเป็นแนวทางในการใกล้ชิดกับเด็ก และพยายามพาเขาออกไปเรียนรู้นอกสถานที่บ้างจะเป็นการฝึกฝนทักษะแบบธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป ผมจะติดตามและสนับสนุนกิจกรรมที่เชื่อมความสัมพันธ์ของผู้ปกครองและเด็กเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน รวมถึงสนับสนุนแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และไม่ทิ้งสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์หรือวัฒนธรรมท้องถิ่นที่จะเชื่อมร้อยกับการอ่านสำหรับในเรื่องของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เข้ามา เราต้องสามารถประยุกต์ให้เข้ากันได้และเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน เพื่อเป็นประโยชน์กับเด็ก" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวถึงความสำคัญและให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า งานวิจัยจากต่างประเทศบ่งชี้ว่า การลงทุนในเด็กปฐมวัยจะให้ผลกลับมาร้อยละ 7-10 และยิ่งลงทุนช่วงตั้งครรภ์จะยิ่งให้ผลคุ้มค่ามากขึ้นไปอีก ทั้งการพัฒนาไอคิว อีคิว โดยเฉพาะการอ่านที่เป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาความรู้ และเพิ่มขีดความสามารถของตนเอง จากเวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 9 ในปี 2559 กรมอนามัย และ สสส.เป็นคณะทำงานหลักและปีนี้เองมติสมัชชาได้ผลักดันให้การอ่านเป็นเครื่องมือสำคัญ โดยองค์กรเครือข่ายขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ของไทยพ.ศ. 2560-2564 : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผลักดันให้การอ่านเป็นหนึ่งในการสร้างพลเมืองสร้างสรรค์ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0
"แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน นับเป็นภาคีที่สำคัญของ สสส. ในการผลักดันประเด็นดังกล่าวไปสู่ในระดับนโยบายระดับสูง เข้าไปสร้างรูปธรรมของการอ่านในกลุ่มวัยต่างๆทั้งในกลุ่มพื้นที่และดึงวัฒนธรรมท้องถิ่นขึ้นมาเชื่อมร้อยกับการอ่านได้อย่างลงตัว จนมาสู่การพัฒนาในทุกมิติ ทั้ง กาย ใจ สังคมและปัญญา จนได้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนจาก 5 โซนการเรียนรู้ได้แก่โซนเวทีมหัศจรรย์การอ่านโซนนวัตกรรมชุมชนอ่านยกกำลังสุข(Smart Reading) โซน Reading in Wonderland:ดินแดนวิเศษแห่งนิทานหลากจินตนาการ โซนสานพลังองค์กรร่วมจัดและโซนตลาดนัดนักอ่านจาก 19 สำนักพิมพ์" ผู้จัดการ สสส. เผย
ด้าน ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้ผลักดันประเด็นการอ่านให้เข้าถึงเด็กและเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง เผยถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่าเป็นการรวมพลังขององค์กรร่วมกับ 28 องค์กร 15 เครือข่ายจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และ 19 สำนักพิมพ์
"การแก้ไขเรื่องการอ่านไม่ใช่อยู่แค่ในระดับองค์กร เราต้องการให้ทุกครัวเรือนมาร่วมสานพลัง และใช้พลังมหัศจรรย์ของการอ่านหนังสือส่งต่อออกไป จากการถอดบทเรียนทำงานของ สสส.พบว่าแค่ใช้เสียงในการอ่านหนังสือและการปฏิสัมพันธ์ของแม่กับลูกด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่น ก็สามารถช่วยคลี่คลายปัญหานี้ได้ เราสามารถสร้างพลังพลเมืองที่ตื่นรู้ก้าวสู่สังคมที่เปลี่ยนแปลง งานวันนี้มีพลังที่เกิดจาก สสส. และพันธมิตรจากทุกภูมิภาค" ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. อธิบาย
ในงานคุณยายสมพร ทรัพย์มูล และ คุณยายมงคลพรกรทรงแก้วงามที่พาหลานด.ญ.วรนลิน และ ด.ญ.วรนภาแสนวิเศษ สองพี่น้องอายุ 12 ปี และ 8 ปี มาร่วมงานมหกรรมการอ่านครั้งนี้ บอกว่า ยายเห็นความสำคัญของการอ่านโดยส่งเสริมหลานตั้งแต่เด็ก เพราะจะทำให้มีพื้นฐานการเรียนที่ดี โดยซื้อหนังสือการ์ตูน นิทานภาพที่ส่งเสริมภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้อ่าน จนทำให้เด็กๆ เรียนรู้ไว และมีผลการเรียนที่ดี
"หนูชอบงานแบบนี้ค่ะ เพราะว่ามีทั้งหนังสือและมีกิจกรรมในซุ้มของแต่ละภาคให้ร่วมให้เล่น หนังสือทำให้หนูรู้มากขึ้น และทำให้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้อีกด้วยค่ะ" เสียงสะท้อนจากเด็กๆ ทั้งสองคนที่เล่าทิ้งท้าย