สำรวจรุนแรงสุด! เด็กแว้นเมืองจันท์
ซื้อขายอาวุธเถื่อน ยาเสพติดและค้าเซ็กซ์
นักวิชาการเผยลงพื้นที่วิจัยเด็กแว้นเมืองจันทบุรี พบก่อเหตุรุนแรงมากที่สุดในภาคตะวันออก ใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อซื้อขายอาวุธเถื่อน ยาเสพติดและค้าเซ็กซ์นัดพบตามร้านเกม ดึงตำรวจร่วมงานวิจัย เน้นวิธีป้องกันเชิงรุก เพราะปราบไม่ได้ผล คดีอาชญากรรมยังพุ่งสูง แถมอายุเด็กน้อยลง
ผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข อาจารย์ภาคจิตวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ศึกษาวิจัยปัญหาเด็กซิ่งรถจักรยานยนต์ หรือเด็กแว้น อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจุบัน ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ ซึ่งใช้กฎหมายปราบปรามมาโดยตลอดนั้น พบว่ายังไม่ประสบผลสำเร็จ และมีแนวโน้มจะกดดันให้เยาวชนกลุ่มนี้ใช้ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการเก็บสถิติข้อมูลเด็กแว้นกระทำผิดคดีอาชญากรรมมีตัวเลขสูงขึ้น แถมช่วงอายุน้อยลงเรื่อยๆ แม้ว่าทางเจ้าหน้าตำรวจจะเข้มงวดกวดขัน หน่วยงานรัฐใช้หลักการทางจิตวิทยา เช่น จับเด็กเข้าวัดฝึกสมาธิ แต่พอปล่อยตัวเด็กก็จะกลับไปซิ่งรถเช่นเดิม เพราะไม่ได้แก้ปัญหาไขตรงจุด คือต้องสร้างเครือข่ายทางสังคมให้ทุกภาคส่วนร่วมกันทำงานในเชิงบูรณาการ
ผศ.ดร.ปนัดดากล่าวว่า ผลการลงพื้นที่ศึกษาพฤติกรรมเด็กแว้นในตัวเมืองทุกจังหวัดของภาคตะวันออกในประเทศไทย พบว่าเด็กแว้นจังหวัดจันทบุรีก่อความรุนแรงมากที่สุด นอกเหนือจากการตั้งกลุ่มซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ในเวลากลางคืนแล้ว ยังใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในการพบปะซื้อขายแลกเปลี่ยนอาวุธ มีด ปืน ยาเสพติด และการค้าประเวณีของสาวสก๊อย พวกเขาจะใช้เว็บไซต์สังคมเครือข่ายออนไลน์ เช่น ไฮไฟว์ เฟซบุ๊ค และทวิตเตอร์ติดต่อสื่อสารกัน และใช้ร้านเกมเป็นสถานที่นัดหมาย เพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ตำรวจ แตกต่างกับเด็กแว้นในจังหวัดอื่น มักจะใช้ร้านซ่อมรถและร้านเหล้าเป็นแหล่งรวมตัว
“ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำผลงานวิจัยชิ้นใหม่ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทบุรี โดยนำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามามีส่วนร่วมทำงานวิจัยเพื่อให้เห็นแก่นแท้ปัญหา และปรับเปลี่ยนวิธีคิดจากการปราบปรามมาเป็นการป้องกันปัญหาเชิงรุก ดิฉันได้ประสานงานกับนายตำรวจมือปราบท่านหนึ่งในเมืองจันทบุรีมาเป็นที่ปรึกษา เพื่อศึกษาวิจัยในเชิงบูรณาการตั้งแต่ระดับครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ข้าราชการ ร้านอินเทอร์เน็ต และร้านเหล้า ซึ่งต้องขยับไปพร้อมกัน” นักวิจัยปัญหาเด็กแว้นกล่าว
ผศ.ดร.ปนัดดาระบุว่า สามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกของเด็กแว้นในเมืองจันทบุรี ตั้งแต่ชื่อนามสกุลจริงกว่า 200 คน รวมตัวกันเป็นแก๊งหรือซุ้มประมาณ 30 กลุ่ม วิถีชีวิตและการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ซึ่งหากใช้วิธีจับกุมแล้วจ่ายค่าปรับ ก็ยิ่งจะเป็นเป็นการเอื้อให้ตำรวจมีช่องทางหาผลประโยชน์จากค่าปรับ หรือรีดไถแลกกับการปล่อยตัว นายตำรวจระดับล่างจะถูกผู้บังคับบัญชาสั่งให้หาเงินครั้งละมากๆ และเกี่ยวโยงกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ดังนั้น การดึงตำรวจเข้ามาเชื่อมโยงกับภาคีเครือข่ายงานวิจัยเพื่อให้มองเห็นต้นตอปัญหา เราไม่มีทางหยุดนิสัยชอบซิ่งรถได้ เพราะอยู่ในวัยคึกคะนอง แต่สามารถสกัดกั้นเด็กรุ่นใหม่ไม่ให้เข้ากลุ่มซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ และก่อเหตุรุนแรงทะเลาะวิวาทได้
“งานวิจัยเด็กแว้นเมืองจันทบุรีคืบหน้าไป 50% มุ่งเน้นวิธีป้องปราม หยุดยาและสกัดเซ็กซ์ เพราะพื้นที่แห่งนี้รุนแรงมากในภาคตะวันออก ช่วงแรกๆ เห็นตำรวจใช้วิธีปราบ แต่รู้ว่าไม่ได้ผล ก็เลยชักชวนเข้ามาทำงานกับภาคีเครือข่าย ร่วมประชุมโต๊ะกลมแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การนำเด็กหัวโจกเข้ามาฝึกอบรมแล้วค่อยๆ เข้าไปละลายพฤติกรรม การกำจัดปัจจัยเสี่ยงและเพิ่มปัจจัยบวก เช่น ควบคุมหอพักร้านเกมผิดกฎหมาย ผลักดันให้ชุมชนจัดกิจกรรม สร้างลานกีฬาแข่งขันในช่วงกลางคืน จากการประเมินผลเบื้องต้น พบว่าสถิติการกระทำผิดลดลงทันที และจะนำโครงการนี้ไปเป็นโมเดลประยุกต์ใช้กับจังหวัดอื่นๆ พร้อมกับประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย” ผศ.ดร.ปนัดดากล่าวสรุป.
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
update : 26-03-53