สสส.เข้าใจภาคีประสบภัยน้ำท่วมพร้อมให้ชะลอกิจกรรม

เชื่อว่าในเวลานี้ไม่ว่าใครจะอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย แต่ทุกหัวใจของคนในชาติ คงล้วนช่วยกันส่งกำลังใจไปให้พี่น้องที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ และนอกเหนือจากกำลังใจ สิ่งที่เราเห็นได้ขณะนี้คือ การร่วมแรงร่วมใจกันคนละไม้ละมือ ใครสามารถช่วยสิ่งใดได้ก็ทำสิ่งนั้น เช่นเดียวกับที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ไม่นิ่งเฉยเช่นกัน



ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือภาคีผู้ประสบภัยน้ำท่วมว่า สสส. มีความห่วงใยภาคีที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยทั้งหมด โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.54 ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนภาคีที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ซึ่งมีความยากลำบากอย่างมากในการดำเนินชีวิต เบื้องต้น สสส.ได้ให้ทุกสำนักประสานไปยังภาคีเครือข่ายทุกคนว่ามีใครที่ประสบปัญหาและได้รับการช่วยเหลืออย่างไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลมาประสานต่อไปยังศูนย์ประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ หรือกลุ่ม Thaifloodและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือท้องถิ่น ชุมชน ก็จะแจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ ส.ส.ให้เข้าไปช่วยดูแล และกลุ่มกู้ภัยต่างๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่และผู้บริหารทุกคนรวบรวมเงินบริจาคจำนวนหนึ่ง นำไปช่วยเหลือในพื้นที่ที่ขาดการช่วยเหลืออยู่อีกด้วย ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 8-10 ต.ค.54 เวลา 12.00-20.00 น. สสส.ร่วมกับมูลนิธิโกมลคีมทอง และกลุ่มสลึง จัดคอนเสิร์ต “เสียงเพลงรวมใจ คาราวานคนรุ่นใหม่ช่วยภัยน้ำท่วม” เพื่อรับบริจาคสิ่งของและเงินช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ณ ลาน MBK Center (มาบุญครอง) ในงานมีกิจกรรมหลากหลายทั้งออกบูทเพื่อระดมทุน ขายของมือสอง (เสื้อผ้า และอื่นๆ) 



“โดยรวมแล้ว ขณะนี้ สสส.ได้พยายามตรวจสอบว่ามีภาคีเครือข่ายใดบ้างที่ประสบภัยเพื่อเร่งประสานงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือ และร่วมระดมทุนและกำลังช่วยเหลือต่างๆ ส่งผ่านไปยังหน่วยงานต่างๆ และหลังน้ำลดแล้วคงต้องมาดูว่าโครงการใดที่มีผลกระทบต่อกิจกรรมบ้าง และจะพิจารณาปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงโครงการนั้นๆให้เหมาะสม ซึ่งภาคีที่ประสานกับ สสส.ที่ประสบภัยสามารถโทรศัพท์โดยตรงถึงผู้ประสานงานได้เลย ว่าประสบภัยที่ไหน อย่างไร สสส.ยินดีช่วยด้วยความห่วงใยทุกคนครับ” 


ผู้จัดการ สสส.กล่าวด้วยว่า ภัยพิบัติครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าการพร้อมรับสถานการณ์ของท้องถิ่นนั้นเป็นหัวใจสำคัญเพราะกว่าที่หน่วยงานจากภายนอกจะเข้าไปช่วยเหลือต้องใช้ระยะเวลา และไม่สามารถเกาะติดสถานการณ์อยู่กับพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ความเข้มแข็งของท้องถิ่นและองค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะต้องมีการเตรียมพร้อม ดังนั้น สสส.เองมีความสนใจเรื่องนี้อย่างมากในการพัฒนารูปแบบการสร้างความเข้มแข็งของท้องถิ่นทั้งก่อน ระหว่างและหลังน้ำท่วมให้เป็นระบบมากขึ้น 


ทพ.กฤษดา กล่าวฝากว่า อยากให้ประชาชนที่ประสบภัยมีความระมัดระวังเรื่องปัญหาน้ำเน่าเสียให้มาก เพราะหลายพื้นที่มีน้ำขังแช่อยู่นาน โดยเฉพาะการย่ำน้ำ ขอให้โดนน้ำเท่าที่จำเป็น และหากเป็นไปได้ขอให้ออกจากพื้นที่ประสบภัยไปอยู่ในที่ปลอดภัยดีกว่า อย่างไรก็ตามการประสบอุทกภัยครั้งนี้ก่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างชัดเจน ดังนั้นเราคงต้องร่วมมือกันที่จะลดการทำลายเรื่องสิ่งแวดล้อมและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 



ด้านนางเบญจมาภรณ์ จันทรพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาภาคีสัมพันธ์  สสส. กล่าวว่า ขณะนี้ภาคีของ สสส.ในหลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ทาง สสส.จึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเร่งเข้าไปช่วยเหลือภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่ทำงานในพื้นที่ โดยภาคีสัมพันธ์ได้เปิดรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยไว้ 3 ช่องทาง คือ 1.เปิดรับบริจาคเงินและสิ่งของจากเจ้าหน้าที่ของ สสส. 2.ภาคีในกลุ่มชุมชนหลายภาคีจัดเปิดจุดรับบริจาคและให้การช่วยเหลือ และ 3.การประสานงานร่วมกับภาคีที่ทำงานด้านจิตอาสาช่วยผู้ประสบภัย เช่น ศูนย์ประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ หรือกลุ่ม Thaiflood ที่มีการนำถุงยังชีพลงไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่ง สสส.ได้ให้การสนับสนุนสิ่งของเข้าช่วยเหลือด้วย นอกจากนี้ยังมีการเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาค ชื่อบัญชี “สสส.ปันน้ำใจช่วยเพื่อนน้ำท่วม” เลขที่บัญชี 0070117187  ธนาคารกรุงไทย สาขาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  และมีองค์กรภาคีอื่น เช่น เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บัญชีเลขที่ 744-2-52832-7 ชื่อบัญชี นางสาวสารี อ๋องสมหวัง และนายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ และนางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร และชื่อบัญชี กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลหัวไผ่ ต.หัวไผ่ จ.สิงห์บุรี ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสิงห์บุรี เลขที่บัญชี 069-2-57770-7 และศูนย์ประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 402-177853-3


นางเบญจมาภรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มภาคีที่ประสบภัยในขณะนี้สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือเข้ามาที่ สสส.ได้โดยตรง ทางหมายเลขโทรศัพท์ 0-2298-0500 เบื้องต้นจะมีการประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ และกลุ่มภาคีในพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่ประสบภัยเพื่อให้การช่วยเหลือ เพราะการช่วยเหลือกันเองในพื้นที่จะมีความยั่งยืนมากกว่า ที่สำคัญกลุ่มภาคีที่ประสบปัญหาสามารถชะลอการจัดกิจกรรมที่ได้ทำความตกลงไว้กับ สสส.ได้โดยไม่ต้องกังวลใจ และหากภาคีใดที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เช่น แพ ห้องน้ำเคลื่อนที่ เป็นต้น สามารถติดต่อมายัง สสส.ได้ เราพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงาน 


“เมื่อเร็วๆ นี้ สสส. กลุ่ม Thaiflood และภาคีได้ลงไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นภาคีที่ทำงานเรื่องชุมชนงดเหล้า โดยขณะนี้ประชาชนที่เดือดร้อนก็ขึ้นมาอยู่บนถนนกันหมดแล้ว เราก็ได้พูดคุยเอาถุงยังชีพไปให้ ไม่เพียงเฉพาะผู้เป็นภาคีเราเท่านั้น แต่รวมไปถึงกลุ่มประชาชนที่เดือดร้อนด้วย และมีการพูดคุยถึงเรื่องโครงการต่างๆ ที่ทำร่วมกับ สสส.ว่าไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเร่งทำกิจกรรมตามที่สัญญาไว้กับ สสส.โดยขณะนี้สามารถชะลอการจัดกิจกรรมออกไปก่อนได้“นางเบญจมาภรณ์ กล่าว  


 


 


เรื่องโดย: สุนันทา สุขสุมิตร Team content www.thaihealth.or.th

Shares:
QR Code :
QR Code