สสส.สร้างองค์กรต้นแบบ Happy Workplace เน้นพัฒนา “คน”
“ความสุข”จากการทำงานถือเป็นยอดปรารถนาของบุคลากรทุกคนหากองค์กรมีบรรยากาศการทำงานดี เป็นมิตร มีเจ้านายใจดี เพื่อนร่วมงานดีที่สำคัญมีสวัสดิการพอประมาณ บุคลากรทุกคนก็จะมีความรู้สึกที่ดีต่อองค์กรนอกจากจะกระตือรือร้นในการทำงานแล้ว ยังทุ่มเทกับการทำงานนำไปสู่การพัฒนามูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการต่างๆ ในอนาคต
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)เห็นความสำคัญของเรื่องดังกล่าว จึงได้จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง”แนวทางสร้างองค์กรแห่งความสุข happy workplace” โดยมีภาคีจากภาครัฐ เอกชน และองค์กรอิสระ เข้าร่วมประมาณ 60 คน โดยได้เข้าเยี่ยมชมการทำงานองค์กรต้นแบบร่วมสร้างสุขในที่ทำงาน ที่ บริษัท เอเซีย พริซิซั่น จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ และบริษัทไลอ้อน (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเครื่องอุปโภคทั้งภายในประเทศและส่งออกนอกประเทศ
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย)จำกัด เล่าว่า กระบวนการสร้างองค์กรแห่งความสุข เริ่มต้นจากการใช้คำจำกัดความของคำว่า”คนดี-คนเก่ง” โดยเข้าใจตรงกันว่า คนดี คือ คนที่มีศรัทธาในคุณธรรมและจริยธรรมที่ดีงาม คิดดี พูดดี ทำดี รู้รักสามัคคีมีความซื้อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบและปรารถนาดีต่อผู้อื่นเสมอ ส่วนคนเก่ง คือ คนที่มีความรอบรู้ มีลักษณะเป็น “พหูสูต” ฝึกฝนจนกลายเป็นมืออาชีพ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน บอกต่อว่า การพัฒนาความสุขในที่ทำงานมีกลยุทธ์หลัก 3 ประการ ประกอบด้วย 1.พัฒนาองค์กรโดยจัดรูปแบบการทำงานภายในองค์กรเป็น matrix strategy organization unit (sou)เพื่อสร้างการทำงานเป็นทีม โดยมี”กาว” มาประสาน คือ ความดี ความสุขและความรักใคร่กลมเกลียว 2.สร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ คือ ยกย่องคนดีส่งเสริมคนเก่ง นำร่อง 3 กิจกรรมแรก คือ 1.1 buddy love & care 1.2 ต้นแบบความดี และ 1.3 โครงการทำดี 24 ชั่วโมง 3.ประยุกต์แนวคิดความสุข 8 ประการ ของ สสส.ที่ว่าใช้คนเป็นศูนย์กลาง แล้ววางกรอบทำงานแต่ละหัวข้อมาปฏิบัติเป็นรูปธรรม
“การสร้างองค์กรสิ่งที่มองคือ องค์กรควรมีความยั่งยืนแล้วเป็นสุข ถ้าสร้างองค์กรที่ไม่ยั่งยืนและไม่เป็นสุข สุดท้ายองค์กรก็จะกลับมาเป็นความทุกข์และเดือดร้อน ฉะนั้นองค์กรควรเป็นลักษณะที่มีความเติบโต มีการพัฒนาและเป็นสุข อย่างน้อยเป็นการสร้างสิ่งที่ดีให้กับสังคม เจ้าของ ผู้ลงทุน และผู้ถือหุ้น ว่าเราได้เงินมาจากการทำงานเป็นประโยชน์ต่อการเลี้ยงตัวเองและเลี้ยงครอบครัว ผลงานของเราไม่ใช่แค่ทำแล้วมันจบสิ้นไป แต่มันได้ฝากเอาไว้ในองค์กร สังคม และเป็นสิ่งที่ดีงาม ฉะนั้นในระยะยาว องค์กรที่ดีจะเติบโตได้อย่างมีความสุข ไม่ใช่ทำธุรกิจและต้องมุ่งแค่กำไร แต่เป็นความสุขที่เกิดจากการช่วยเหลือ และช่วยเหลือสังคมมันเป็นความสุขที่ ปีติสุข”
นายบุญฤทธิ์ บอกว่า การทำความดีบังคับกันไม่ได้ ฝืนใจกันไม่ได้ แต่มันต้องเริ่มที่ตัวเอง และที่สำคัญคือ การสร้างบรรยากาศให้รู้สึกว่าอยากทำดีสร้างเหตุ สร้างปัจจัย สร้างเงื่อนไขต่างๆ และสร้างต้นแบบ สร้างตัวอย่างของการทำความดี สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะค่อยๆ น้อมนำให้พนักงานเข้ามาสัมผัสและได้เห็นได้ซึมซึบเข้าไป มีอยู่สิ่งหนึ่งที่อยากฝากไว้คือการจะสร้างคนนั้นจะต้อง “อดทน” จะหวังผลงานในการเปลี่ยนแปลงระยะสั้นๆ ไม่ได้ การทำความดีการเปลี่ยนคนจะต้องใช้ระยะเวลาทั้งชีวิต บางทีหลายชีวิต
ด้าน นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร กล่าวว่า สิ่งที่ สสส.ทำมา 8 ปี คือ หารูปแบบดีๆ และเอารูปแบบดีๆนั้นส่งผ่านไปให้สังคมและเอาหลักปรัชญาของการสร้างองค์กรสมัยใหม่ผ่านกระบวนการคนให้เป็นองค์กรแห่งความสุข พร้อมกับรูปแบบโมเดลพาเข้าไปในสังคมให้คนไปเลือกปรับใช้ สสส.เป็นแค่ผู้ส่งข่าว ส่งรูปแบบที่ดีไปให้ต่อไปนี้องค์กรตัวอย่าง 10-20 องค์กรที่น่าสนใจ สสส.อยากพัฒนาไปเป็นศูนย์เรียนรู้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์กรว่าจะสนับสนุนแค่ไหน
องค์กรแห่งความสุข คือ องค์กรที่ทำให้คนในองค์กรมีความสุข เชื่อว่าเมื่อคนมีความสุข ก็จะส่งผ่านไปให้คนอื่นเอง ไม่ใช่ไปให้คนอื่นก่อนและตัวเองไม่มีความสุข เพราะมันไม่ยั่งยืน ดีแต่ไม่ยั่งยืน แต่นี่ดีด้วยยั่งยืนด้วยและไม่ต้องไปเปลี่ยนเพราะมันกลายเป็นนิสัยและวัฒนธรรม อยากให้ทุกคนที่ได้รับรู้หรือมีโอกาสสัมผัส เรื่ององค์กรแห่งความสุขลองนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตตัวเอง ครอบครัว และการทำงาน
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ