สสส.สนับสนุน ‘สาวไทยแก้มแดง’

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า 


สสส.สนับสนุน 'สาวไทยแก้มแดง' thaihealth


แฟ้มภาพ


ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกสมัชชาอนามัยโลกเพื่อร่วมยกสถานภาพของประชากรให้มีสุขภาพพลานามัย ที่สมบูรณ์ และเมื่อ ปี ค.ศ. 2010 สมัชชาอนามัยโลกมีมติว่า ให้ประเทศสมาชิกต้องลดสภาวะโลหิตจางในหญิงวัยเจริญพันธุ์ให้ได้ ร้อยละ 50 ภายใน 8 ปีข้างหน้า ประเทศไทยมีรายงานว่าในปี พ.ศ2556-2557 ผู้หญิงไทยมีสภาวะซีดอยู่ที่ร้อยละ 22.7 ซึ่งเป้าหมายจริงๆ ต้องลดให้ได้ร้อยละ 11 เพื่อให้สาวไทยมีความสมบูรณ์ทางร่างกายมากขึ้นและพร้อมที่จะมีบุตรอย่างสมบูรณ์แบบต่อไป


ด้วยเหตุนี้ กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข จึงได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา องค์การเภสัชกรรม และสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดตัวโครงการ "สาวไทยแก้มแดงด้วยวิตามินแสนวิเศษ" เพื่อเชิญชวนให้สาวไทยร่วมลงทะเบียนออนไลน์ ผ่าน www.สาวไทยแก้มแดง.com เพื่อรับวิตามินเสริมธาตุเหล็กและโฟลิก ฟรี จำนวน 50,000 ชุด ด้วยเห็นว่า ปัจจุบันผู้หญิง ที่อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธ์ อายุ 20-34 ปี ที่พร้อม ตั้งใจและวางแผนจะมีลูก สามารถดูแล บำรุงรักษาสุขภาพตัวเองได้ด้วยการขอรับวิตามินแสนวิเศษเสริมธาตุเหล็กและโฟลิก ซึ่งจะนำไปสู่การคลอดที่ปลอดภัย ลูกแข็งแรงอย่างมีคุณภาพ


สสส.สนับสนุน 'สาวไทยแก้มแดง' thaihealth


นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดี กรมอนามัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยเปิดตัว โครงการสาวไทยแก้มแดงด้วยวิตามินแสนวิเศษ มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในขณะนี้ องค์การเภสัชกรรมได้พัฒนาและผลิตวิตามินสูตรใหม่ เพื่อให้รับประทานง่ายขึ้นเพราะก่อนหน้านี้ต้องรับประทานแยกเม็ด แต่ปัจจุบันได้พัฒนามาให้รับประทานแค่ 1 เม็ด โดยมีทั้งเสริมธาตุเหล็กและโฟลิกให้กับผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ในช่วงอายุ 20-34 ปี ทุกคน โดยรับประทานสัปดาห์ละ 1 เม็ด อย่างน้อย 12 สัปดาห์ ก่อนการตั้งครรภ์ โดยยาชนิดนี้จะช่วยให้ลดสภาวะโลหิตจางหรือ ลดซีดและยังบำรุงร่ายกายอีกทั้งยังลดภาวะทารกพิการแต่กำเนิดได้ ซึ่งก็เป็นที่มาของ คำว่า สาวไทยแก้มแดงเพราะใบหน้าจะมี เลือดฝาดหรือแก้มแดงๆ เพื่อบ่งบอกความสมบูรณ์ของร่างกาย


นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ยาที่กรมอนามัย ได้สั่งการให้ผลิตนั้น ทางกรมอนามัยและอย. ได้มีการดำเนินงานกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้วิธีการอย่างรวดเร็วเพื่อขออนุญาตขึ้นทะเบียนตำรับยาและ ขออนุญาตโฆษณาจนแล้วเสร็จทุกอย่าง ในวันที่ 9 สิงหาคม 2560 และเริ่มการผลิตยา ซึ่งถือว่าเป็นยาวิตามินที่มีประสิทธิภาพและได้เห็นผลชัดเจนแน่นอน


ภก.พิพัฒน์ นิยมการ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ยาวิตามินชนิดนี้ผ่านกระบวนการต่างๆ มามากมายอีกทั้งนี้ยังมียาที่องค์การเภสัชกรรมได้พัฒนาผลิตยาที่มีส่วนผสมของโฟลิก ธาตุเหล็ก และไอโอดีน จำนวนทั้งสิ้น 3 รายการคือ 1.ยาน้ำ แขวนตะกอนธาตุเหล็กซึ่งใช้ป้องกันสภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กโดยเฉพาะอายุเด็กปฐมวัย 2.ยาเม็ดวิตามินรวมธาตุเหล็ก ไอโอดีนและกรดโฟลิกสำหรับหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอดบุตร 6-13 เดือน และ 3.ยาเม็ด วิตามินเสริมธาตุเหล็กและโฟลิก ซึ่งช่วยบำรุงร่างกายและลดซีดพร้อมทั้งลดสภาวะทารกพิการในครรภ์ได้ ซึ่งยาชนิดที่ 3 นี้จะใช้ในโครงการสาวไทยแก้มแดงสักระยะ และจะจัดจำหน่ายในเดือนธันวาคม 2560 นี้


สสส.สนับสนุน 'สาวไทยแก้มแดง' thaihealth


ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ได้เข้ามาสนับสนุนโครงการนี้ เพราะมีจุดประสงค์ไปในทิศทางเดียวกัน ในเรื่องการแก้ไขปัญหาผู้หญิงไทยที่มีสภาวะการขาดธาตุเหล็กและทารกพิการตั้งแต่กำเนิด โดยมุ่งเน้นการลดจำนวนการเกิดสภาวะต่างๆ เหล่านี้ให้ลดลง ซึ่งผ่านตัวกลางที่เรียกว่ายาวิตามิน เข้ามาเป็นตัวแก้ไขให้เกิดผล อย่างจริงจังในหลายมิติ เป็นผลดีทั้งผู้ที่พร้อม จะมีบุตรและส่งผลดีต่อทารกในครรภ์ด้วย


ด้วยความมั่นใจ ดร.นพ.ไพโรจน์ ได้ย้ำ นอกรอบด้วยว่า นอกจากการ รับประทานยาวิตามินแล้วก็ควรเสริมเรื่องการรับประทานผักผลไม้ให้ได้ 400 กรัมต่อ 1 วัน หรือปริมาณ 5-6 ทัพพีต่อวัน พร้อมกับการบริโภคเนื้อสัตว์ ตับ และเลือดที่ปรุงสุก เพราะจะยิ่งช่วยเสริมให้เป็นผลดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้สสส.มุ่งหวังให้ผู้หญิงไทยและทุกคนในประเทศไทยมี สุขภาวะที่ดีทั้งทางกายและจิตใจจึงได้ ผลักดันและสนับสนุนโครงการดีๆ แบบนี้เรื่อยมา


สสส.สนับสนุน 'สาวไทยแก้มแดง' thaihealth


แหม สสส.น่ารักจุงเบยการมีสุขภาพดีต้องเริ่มจากภายในโดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์รวมถึงการออกกำลังกาย โดยเฉพาะผู้หญิงไทย ซึ่งเป็นเพศที่ต้องมีบุตรด้วยแล้วยิ่งต้องบำรุงร่างกายมากกว่าเดิม ดังนั้นการกินวิตามินเสริม ธาตุเหล็กและโฟลิกจึงจำเป็นต่อร่างกาย ทั้งก่อนมีบุตรและหลังมีบุตรอย่างมาก นอกจากจะช่วยให้คุณแม่แข็งแรงแล้วยังส่งผลให้ทารกในครรภ์สุขภาพดีตามไปด้วยและนี่คือสิ่งที่สสส.ร่วมสนับสนุนและผลักดันมาโดยตลอด

Shares:
QR Code :
QR Code