“สสส.-สคล.” ชูกิจกรรม “รักกัน ให้ของขวัญปลอดเหล้า”

 

"สสส.-สคล." ชูกิจกรรม “รักกัน ให้ของขวัญปลอดเหล้า”

 

 

ที่ลานหน้าห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อเวลา 13.30น. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) จัดกิจกรรมรณรงค์“รักกัน ให้ของขวัญปลอดเหล้า” ภายในงานมีการแสดงจำลองสถานการณ์ ชุด “ให้เหล้าเป็นของขวัญ วันที่ฉันทำร้ายเพื่อน” โดยเครือข่ายละครรณรงค์ ddd และเยาวชน กว่า 30คนร่วมแสดงเป็นคนขาพิการเหยื่อเมาแล้วขับ พร้อมชูป้ายข้อความ “หยุดทำร้ายกัน ด้วยของขวัญมีเหล้า” โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งเป็นวันสากลโลก ที่ทุกคนต่างมองหาของขวัญเพื่อมอบให้แก่คนรู้จักแทนคำอวยพรปีใหม่ โดยข้อมูลของเอแบคโพลล์ ปี 2551สะท้อนชัดเจนว่าประชาชน 62.1 % ระบุว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ควรนำมาเป็นของขวัญเพราะเป็นการให้สิ่งที่เป็นโทษแก่ผู้อื่น และเพิ่มเป็น 71.6 %ในปี 2553ทั้งนี้ แนวโน้มให้เหล้าเป็นของขวัญลดลงทุกปี โดยในปี 2551พบว่า 30.2 % ประชาชนยังซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของขวัญ ปี 2552ลดลงเหลือ 21.1 % และปี 2553ลดลงเหลือเพียง 20.5%อย่างไรก็ตาม จากบทเรียนความสูญเสียตามสถิติอุบัติเหตุของศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่า มีผู้เสียชีวิตมากถึง 13,000รายต่อปี และในปี 2545-2552ช่วง 7วันอันตราย จะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 1คน ทุกๆ 20นาที และที่น่าตกใจคือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีส่วนเกี่ยวข้อง 40-60 % ส่วนช่วงเวลา 18.00-23.59น. จะเป็นเวลาเกิดเหตุอุบัติเหตุโดยมีแอลกอฮอล์เกี่ยวข้องสูงสุด เพราะเป็นช่วงเวลาสังสรรค์ ปาร์ตี้ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ หรือดื่มเพื่อความสนุกสนานกับเพื่อนฝูง

“การบาดเจ็บ และเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะที่เจ้าของธุรกิจแอลกอฮอล์ก็พยายามออกแคมเปญพิเศษสำหรับช่วงปีใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยไม่รับผิดชอบต่อชีวิต ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมสังคมไทยที่มีความทุกข์มากอยู่แล้ว ยิ่งถ้ามีของขวัญเป็นเหล้า ซึ่งก็หมายถึงให้เหล้าเท่ากับแช่ง ดังนั้นจึงไม่ควรให้ความทุกข์กับคนที่เรารัก ส่วนร้านค้าหากพบว่ามีการจัดกระเช้าที่มีเหล้า จะถือว่าผิดกฎหมายมีโทษจำคุก 6เดือน ปรับไม่เกิน10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอเชิญชวนประชาชนรวมถึงห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆ ทำด้วยความสมัครใจ หรือถือว่าทำบุญ ดีกว่าให้กฎหมายมาบังคับ ควรร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์กระเช้าปลอดเหล้า ให้หนังสือดีๆเป็นของขวัญ สร้างสติปัญญาดีกว่า ให้น้ำเมาผลาญสติ รวมทั้งภาครัฐควรเอาจริงเอาจังเข้มงวด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551แทนการนั่งนับศพ” ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าว

ด้าน นางสาวดวงใจ ไกรชมสม ภรรยานายตำรวจเหยื่อเมาแล้วขับ กล่าววิงวอนบุคคลที่คิดจะให้ของขวัญปีใหม่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า ครอบครัวของตนเป็นหนึ่งในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากคนเมาแล้วขับ อยากจะฝากไปถึงคนที่จะซื้อเหล้าเป็นของขวัญปีใหม่ว่า เท่ากับการส่งเสริมให้คนขาดสติ และยิ่งคนที่ได้รับไปขับรถก็ยิ่งทำให้เกิดผลเสียกับคนที่ใช้รถใช้ถนนและคนบริสุทธิ์คนอื่นๆ ที่เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวต้องรับเคราะห์ไปด้วย เพราะตั้งแต่สามีของตนเสียชีวิตจากสาเหตุคนเมาขับรถชนระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ตนก็ต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว มีชีวิตค่อนข้างลำบากต้องขายเสื้อผ้าเลี้ยงลูกชายอายุขวบกว่าๆ รายได้ที่หาได้มาไม่พอกับค่าใช้จ่ายในครอบครัว

“การกินเหล้า ทำให้ขาดสติ มันไม่มีอะไรดี ยิ่งไปขับรถ หากเมาแล้วควรหยุด หรือไม่ขับรถเสียดีกว่า เพราะผลเสียที่มันจะตามมากับครอบครัวคนอื่น มันเอาอะไรกลับคืนมาไม่ได้ มันพรากทุกอย่างจากชีวิตครอบครัวเขาเลย ตอนนี้ตนยังรอด้วยความหวังว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีความเมตตา และชัดเจนในการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของตนอย่างไร เพราะเป็นการเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เวลาผ่านมานานปีกว่าแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าเลย ตนไม่อยากให้เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีกเลยโดยเฉพาะตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ หากไม่เจอกับคนในครอบครัวตัวเองย่อมไม่รู้หรอกว่าเป็นอย่างไร” นางดวงใจ กล่าว

ด้านนายณัฐพล รัตนศักดิ์ชูเจริญ เยาวชนวัยอายุ 17ปี ที่ต้องทำงานส่งเสียน้องเรียนหนังสือ และจุนเจือครอบครัว ในขณะที่แม่อยู่ในระยะฟื้นฟูจากการติดเหล้าหนัก และยังต้องสูญเสียน้องชายวัยแบเบาะ กล่าวว่า แม่ผมเป็นคนติดเหล้ามาก ดื่มจนเมา และดื่มจนสว่างเกือบทุกวันมีวงเหล้าที่ไหนแม่ก็ไปดื่ม จนแม่คลอดผมแม่ก็ยังดื่มอยู่ และมักมีปัญหาทะเลาะกับพ่อบ่อยครั้ง ขโมยของมีค่าในบ้านไปขายเพื่อนำเงินไปกินเหล้า เล่นการพนัน และสูบบุหรี่ จนมีอยู่วันหนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเสียใจมากสุดคือ เมื่อแม่ตั้งท้องน้องคนที่ 2ได้เพียง 3เดือน น้องผมก็เสียชีวิตด้วยสาเหตุที่แม่ผมเมาเหล้าแล้วเอานมให้น้องดื่ม จนตื่นเช้ามาแม่นอนทับน้องเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว ซึ่งแม่ผมก็ตกใจรู้สึกเสียใจทำอะไรไม่ถูก ตอนนั้นทุกคนเสียใจมาก

นายณัฐพล กล่าวว่า พ่อมีอาชีพขับแท็กซี่ รายได้ก็ไม่เพียงพอ จนผมต้องไปช่วยหารายได้เสริมรับจ้างทั่วไป เพื่อช่วยพ่อส่งให้น้องชายเรียน ส่วนตัวผมตอนนี้ก็ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะภาระทางบ้าน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ตอนนี้ทำให้แม่ผมตัดสินใจเลิกดื่มเหล้าและได้เข้ามาฟื้นฟูและรับการช่วยเหลือจากทางมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เพราะแม่มีอาการประสาทหลอน จนตอนนี้อาการดีขึ้นและสามารถเลิกดื่มเหล้าได้แล้ว แต่ผลกระทบที่ตามมากับแม่คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร

“เรื่องราวในชีวิตครั้งนี้ถือเป็นอุทาหรณ์กับคนที่ติดเหล้า และคนที่กำลังตกเป็นเหยื่อของเหล้า และผมก็สัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งกับสิ่งเหล่านี้เลย ผลกระทบที่ตามมามีมากมาย ในช่วงปีใหม่นี้อยากให้ทุกคนมีสติ คำนึงถึงผลกระทบจากการดื่ม หรือการส่งเสริมให้คนอื่นดื่ม เพราะการให้เหล้าไม่ใช่ประเพณีที่ดีงามแต่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเหล้าทำให้เกิดความสูญเสีย และทำลายได้ทุกอย่าง”นายณัฐพล กล่าว-

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

Shares:
QR Code :
QR Code