สสส.ร่วมซับน้ำตาภาคกลางจากภัยน้ำท่วม
สถานการณ์น้ำท่วมที่ยังไม่คลี่คลายทำให้ทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล และเอกชนในบ้านเราต่างระดมกำลังอย่างสุดความสามารถ เพื่อช่วยกันซับน้ำตาผู้ประสบภัยที่กำลังใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก
สสส. หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ โดย ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้เร่งนำเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานลงไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยพิบัติในปีนี้ ซึ่งก็ยังเป็นพื้นที่เดิมๆ ที่เกิดปัญหาเมื่อหลายปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้ สภาพของน้ำท่วมกลับทวีความรุนแรงขึ้นในบางพื้นที่ อันเนื่องมาจากพายุลูกแล้วลูกเล่าที่พัดถล่มประเทศไทยอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาร่วม 2 เดือนแล้ว
จังหวัดชัยนาท คือพื้นที่เป้าหมายในการสำรวจแห่งแรก เพราะเป็นพื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งนับตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม ระดับน้ำเริ่มเพิ่มสูงขึ้น จนกระทั่งวันนี้สถานการณ์ยังคงทรงตัว ชาวบ้านกว่า 2.5 หมื่นครัวเรือน จาก 8 อำเภอกำลังประสบกับภาวะยากลำบากในการใช้ชีวิต บางพื้นที่ที่น้ำท่วมสูงเพียงชั้นล่างของบ้าน ประชาชนก็อพยพมาอาศัยยังชั้นสอง ในขณะที่พื้นที่บางแห่ง บ้านทั้งหลังถูกน้ำท่วมจนมืดหลังคา ประชาชนก็จะต้องอพยพมากางเต็นท์นอนกันข้างถนนซึ่งเป็นพื้นที่สูงกว่า
ยังไม่นับผลผลิตทางการเกษตร พืชสวนไร่นาที่กำลังรอการเก็บเกี่ยว แต่ต้องจมหายไปกับน้ำ รายได้ของชาวบ้านก็หดหายไปตาม เรียกได้ว่า วิกฤตน้ำท่วมในปีนี้ของบ้านเราหนักกว่าปีไหนๆ และมีทีท่าว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี จากภาวะความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติวิทยาของโลก
คณะทำงานของ สสส. จึงเร่งระดมกำลังทั้งเจ้าหน้าที่ภายในองค์กร เจ้าหน้าที่จาก thaiflood และอาสาสมัครจากเครือข่ายต่างๆ อาทิ อาสาดุสิต อาสาสมัครออฟโรด b.p.s. offroad ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วม และให้ความช่วยเหลือโดยการมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ จ.ชัยนาท
ทพ.กฤษดา เล่าว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการนำถุงยังชีพซึ่งมีสิ่งของจำเป็นไปมอบให้ชาวบ้านทั้ง 10 หมู่บ้านแล้ว จุดประสงค์สำคัญยังเป็นการตรวจเยี่ยมภาคีเครือข่าย สสส. ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย โดย สสส. ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง และประสานความช่วยเหลือไปยังภาคีเครือข่ายที่ได้รับความเดือดร้อน
สสส.ในฐานะองค์กรดูแลสุขภาพของคนไทย ได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น โดยเฉพาะน้ำดื่มที่จำเป็นมาก รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งถุงยังชีพ 1 ชุด สามารถต่อชีวิตให้พี่น้องเราได้ถึง 2 วัน ดังนั้น ภารกิจการระดมความช่วยเหลือนี้ สสส. ยังคงต้องดำเนินการต่อไป จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะดีขึ้น ทพ.กฤษดา กล่าว
ไม่เพียงแต่ชาวบ้านเท่านั้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม แต่การทำงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลซึ่งเป็นสถาบันแห่งสุขภาพของจังหวัดในขณะนี้ก็เต็มไปด้วยความยากลำบาก เราได้เห็นภาพข่าวโรงพยาบาลหลายแห่งจำเป็นต้องอพยพผู้ป่วยจำนวนหนึ่งกลางดึก อันเนื่องมาจากน้ำที่กำลังไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ใกล้เคียง ทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นทำกันอย่างโกลาหลในระยะเวลาที่จำกัด
จังหวัดสิงห์บุรีเองก็ต้องประสบกับสภาวการณ์ที่ไม่ต่างกัน เพราะที่โรงพยาบาลอินทรบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขัง และตลอดสองข้างทางที่จะเข้าถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ภาครัฐจำเป็นต้องทำคันกั้นน้ำตลอดทางเพื่อไม่ให้น้ำล้นจนท่วมขึ้นมาบนถนน
พื้นที่ จ.ชัยนาท และสิงห์บุรี ไม่ต่างอะไรกับจังหวัดอื่นๆ ที่ประสบภัยน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็น จ.นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ปทุมธานี ดังนั้น การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในความช่วยเหลือ แต่ยังมีประชาชนในหลายจังหวัด กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส สิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ คือความสามัคคี รวมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียว โดยไม่ลืมว่า เพื่อนร่วมชาติ ของเรายังต้องการน้ำใจจากพวกเราอยู่เสมอ ทพ.กฤษดา กล่าว
เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า น้ำใจจากทั่วทุกสารทิศกำลังหลั่งไหลมายังพื้นที่ที่ประสบภัยในภาคกลาง และยังมีน้ำใจจากหน่วยงานภาครัฐจำนวนมากที่ช่วยกันผลิต ประดิษฐ์?อุปกรณ์ยังชีพ ในช่วงน้ำท่วม อย่างเช่น สุขภัณฑ์กระดาษ และร่วมบริจาคสิ่งของและเงินช่วยเหลือ ทำให้แม้ว่าผู้ประสบภัยจะทุกข์กับสภาพที่พบเจอ แต่ก็ยังสุขใจที่ได้รับรู้ว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน
ยังมีพายุอีกหลายลูกที่กำลังจ่อคิวจะเข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้กับอากาศของบ้านเรา แต่ถ้าหากคนไทยไม่ทิ้งกัน และยังร่วมมือร่วมใจกันส่งแรง และความช่วยเหลือไปยังพี่น้องที่อาศัยอยู่ในจังหวัดที่กำลังประสบปัญหา ก็สามารถแน่ใจได้ว่า พายุลูกใหม่ๆ ที่เข้ามาแม้จะพัดทำลายความเสียหายให้เกิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจพัดพาพลังความสามัคคีของคนในชาติไปได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก…www.thaihealth.or.th
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ