สสส.ปันน้ำใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม “ชัยนาท”
เหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ กลายเป็นภาพชินตาของคนไทย เพราะต้องประสบพบเจอภัยพิบัติรุนแรงเช่นนี้เกือบตลอดทั้งปี
โดยครั้งนี้ ความรุนแรงของมรสุมที่พัดผ่านประเทศไทยแบบลูกต่อลูก ส่งผลให้ฝนตกเกือบเต็มพื้นที่ กระแสน้ำท่วมไหลรุนแรง บางพื้นที่เคราะห์ร้าย นอกจากน้ำจะท่วมและยังเจอดินถล่มซ้ำ
แต่ปัญหาสำคัญคือ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่ต้องจมอยู่ในน้ำนานหลายเดือน ทำให้วิถีชีวิตแต่ละวันต้องหยุดลงชั่วขณะ บางครอบครัวอาจต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ไร้ที่อยู่ ที่ทำกิน หรือซ้ำร้ายต้องสูญเสีย “ผู้เป็นที่รัก” ให้กับความโหดร้ายของกระแสน้ำ
ผลคือ สภาพ “กาย” และ “จิตใจ” ของพวกเขาได้รับความกระทบกระเทือนจากปัญหาน้ำท่วมที่กินเวลานาน…
และเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมทีผ่านมา ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้นำคณะเจ้าหน้าที่ สสส. ร่วมกับ thaiflood และอาสาสมัครจากเครือข่ายต่างๆ อาทิ อาสาดุสิต อาสาสมัครออฟโรด b.p.s. offroad ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วม และให้ความช่วยเหลือโดยการมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ จ.ชัยนาท
พื้นที่เป้าหมายคือ ต.ธรรมมูล อ.เมืองชัยนาท จำนวน 10 หมู่บ้าน ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมแบบเต็มพื้นที่…
ภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมจ.ชัยนาทในขณะนี้ พบว่ามีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทุกอำเภอ ในทั้งหมด 8 อำเภอ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 25,391 ครัวเรือน 72,602 คน โดยสถานการณ์โดยรวมยังอยู่ในสภาวะทรงตัว และรุนแรงอยู่เฉพาะพื้นที่อำเภอริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองชัยนาท อ.มโนรมย์ อ.วัดสิงห์ และอ.สรรพยา
ในส่วนของพื้นที่ต.เสือโฮก อ.เมืองชัยนาท และต.ตลุก อ.สรรพยา ยังคงได้รับผลกระทบจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่สูงขึ้น เอ่อล้นแนวคันคลองชลประทาน และพนังกั้นน้ำที่พังบริเวณต.ธรรมมามูล เข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก
ทพ.กฤษดา เล่าว่า พื้นที่จ.ชัยนาท เป็นจังหวัดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมอย่างหนัก โดยเฉพาะอ.เมืองชัยนาท ที่น้ำท่วมนานเกือบ 3 เดือน โดยท่วมตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ชาวบ้านบางส่วนต้องอพยพมาพักอาศัยริมถนน และบนภูเขา บางส่วนอยู่บนชั้น 2 ของบ้านพร้อมกับสัตว์เลี้ยง ดังนั้น การลงพื้นที่ครั้งนี้ นอกจากเราจะนำถุงยังชีพซึ่งมีสิ่งของจำเป็นไปมอบให้ชาวบ้านทั้ง 10 หมู่บ้านแล้ว จุดประสงค์สำคัญของเรายังเป็นการตรวจเยี่ยมภาคีเครือข่าย สสส. ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย โดยสสส. ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง และประสานความช่วยเหลือไปยังภาคีเครือข่ายที่ได้รับความเดือดร้อน
“ผมได้ลงเรือเพื่อตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหมู่ที่ 2 3 และ 4 โดยพบว่าน้ำท่วมเต็มพื้นที่ ความสูงของน้ำอย่างต่ำ 1 เมตร บางจุดสูงถึง 2-3 เมตร ชาวบ้านต้องอพยพไปอยู่ชั้น 2 ของบ้าน บางส่วนต้องมาอยู่บนถนน พื้นที่ทางการเกษตรจมอยู่ใต้น้ำ สิ่งที่ได้เห็นคือความเดือดร้อนของชาวบ้าน บางครอบครัวบ้านจมมิดทั้งหลัง ไม่มีที่อยู่อาศัย ไร้อาชีพ ซึ่งจุดนี้ สสส.ในฐานะองค์กรดูแลสุขภาพของคนไทย ได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น โดยเฉพาะน้ำดื่มที่จำเป็นมาก รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งถุงยังชีพ 1 ชุดสามารถต่อชีวิตให้พี่น้องเราได้ถึง 2 วัน ดังนั้น ภารกิจการระดมความช่วยเหลือนี้ สสส. ยังคงต้องดำเนินการต่อไป จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะดีขึ้น” ทพ.กฤษดา กล่าว
ทพ.กฤษดา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ระหว่างทางที่เรากลับนั้น ยังได้แวะโรงพยาบาลอินทรบุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อมอบสิ่งของจำเป็นในการรักษาคนไข้ โดยระหว่างทางที่เราไปนั้น เป็นทางเลียบคลอง โดยมีคันดินกั้นน้ำยาวตลอดทาง บางจุดมีน้ำไหลเอ่อท่วม บางจุดมีชางบ้านอพยพมาอยู่ริมถนน พอเราถึงที่หมายพบว่าบริเวณหน้าโรงพยาบาลอินทรบุรีน้ำยังคงท่วมขัง เป็นจุดหนึ่งที่น่าห่วงเพราะยังมีคนไข้จำนวนมากรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
“พื้นที่จ.ชัยนาท และสิงห์บุรี ไม่ต่างอะไรกับจังหวัดอื่นๆ ที่ประสบภัยน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็น จ.นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ปทุมธานี ดังนั้น การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในความช่วยเหลือ แต่ยังมีประชาชนในหลายจังหวัด กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส สิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ คือความสามัคคี รวมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียว โดยไม่ลืมว่า “เพื่อนร่วมชาติ” ของเรายังต้องการน้ำใจจากพวกเราอยู่เสมอ” ทพ.กฤษดา กล่าว
น้ำใจไมตรีของชาวไทยไม่เคยเหือด แห้ง ประชาชนในภูมิภาคใดเดือดร้อนก็ไม่เคยทอดทิ้งกัน ต่างหาทางช่วยเหลือกันคนละไม้คนละมือตามกำลังความสามารถของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงินหรือสิ่งของ จึงนับเป็นสิ่งดีๆ ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ในสังคมไทย
ที่มา: สำนักข่าว สสส.