สสส. ชวนประกวดหนังสั้น “10เรื่องเล่าจากผืนป่าตะวันตก”
ปิ๊งส์ สสส. ชวนน้อง ประกวดหนังสั้น “10 เรื่องเล่า จากผืนป่าตะวันตก” หวังใช้ไอเดียเด็กกระตุ้นสังคมใส่ใจสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังจิตสำนึกสาธารณะด้วยป่าผืนสุดท้ายของประเทศ พร้อมเรียนรู้เทคนิค ประสบการณ์จริงเรื่องการทำหนังจากพี่เลี้ยงมืออาชีพทุกขั้นตอน เผยสุดยอดผลงานรับสิทธิ์ฉายจริงในวันสืบ นาคะเสถียร 1กันยายนนี้
เมื่อวันที่ 31มีนาคม 2554 ที่เดอะสไตล์บายโตโยต้า ชมรมหนังสั้นประเทศไทย thaishortfilm ร่วมกับ มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร โดยการสนับสนุนของโครงการปิ๊งส์ โดยแผนงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อสื่อศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมสร้างสรรค์ (สสส.) เปิดตัวโครงการประกวดหนังสั้น “10 เรื่องเล่า จากผืนป่าตะวันตก” เพื่อหวังให้เยาวชนใช้หนังสั้นเป็นสื่อกลางในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยนายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร กล่าวว่า ปัจจุบันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ป่า อนุรักษ์น้ำในสังคมเปลี่ยนรูปแบบไป โดยระยะหลังมีการพูดถึงแต่การใช้ถุงผ้าลดโลกร้อนกันมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วการรักษาป่าที่มีอยู่ให้คงสภาพป่าที่สมบูรณ์นั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากป่าเสื่อมโทรมปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมก็จะตามมา
“การประกวดหนังสั้น “10 เรื่องเล่า จากผืนป่าตะวันตก” ครั้งนี้ถือเป็นมิติที่สำคัญที่จะสื่อสารให้คนรุ่นใหม่รู้จักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมรอบตัว มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ป่า ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติที่หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทยให้คงความสมดุลของธรรมชาติเอาไว้ โดยทางมูลนิธิสืบ นาคะเสถียรจะให้ความรู้และนำเยาวชนไปสัมผัสกับฝืนป่าตะวันตกที่มีอยู่จริงในจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ รู้และเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงจนสามารถนำไปสื่อสารให้คนรุ่นเดียวกันได้อย่างลึกซึ้งและหันมาเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น” เลขาธิการมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร กล่าว
ด้านนายดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อสื่อศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมสร้างสรรค์ สสส. กล่าวว่า ขณะนี้ภัยใกล้ตัวที่เกิดจากธรรมชาติเข้าใกล้ประเทศไทยมาตั้งแต่เกิดสึนามิ และมีความชัดเจนขึ้นเมื่อสิ่งแวดล้อมได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในประเทศเพื่อนบ้านหลายๆ ที่ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม สึนามิ ที่มีความถี่และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ “การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีได้ ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันอนุรักษ์โดยไม่ต้องคิดให้ใหญ่มาก แต่ควรเริ่มต้นคิดในเรื่องเล็กที่คิดว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะเยาวชน ต้องปรับทั้งวิถีของ วิธีคิด ปัญญาคิด การรู้เท่าทันสื่อ และสิ่งแวดล้อม มีการปลูกฝังจิตสำนึกในเรื่องของการรณรงค์รักโลกและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่แรกเริ่ม ที่เรียกว่าจิตสำนึกของสาธารณะที่ใหญ่ขึ้น มีจิตอาสาที่มองสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยใจที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยชุมชน โรงเรียน สถานศึกษา หรือเยาวชน ถ้ามีจิตสาธารณะในเรื่องเหล่านี้กระบวนการจิตอาสาสร้างได้ไม่ยาก
ทั้งนี้นายศิโรตม์ ตุล ประธานชมรมหนังสั้นแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การทำหนังสั้น ถือเป็นวิธีใหม่ในการปลูกฝังการเรียนรู้และสร้างสำนึกในเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดี สามารถสื่อสารให้ผู้รับซึมซับ พัฒนาสุนทรียะทางจิตใจสร้างสำนึกเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยมีเยาวชนเป็นผู้ลงมือทำและใช้หนังเพื่อสื่อสารจากเด็กสู่เด็ก จากเด็กไปสู่สังคมในวงกว้างขึ้น โดยโครงการนี้จะเปิดโอกาสให้นักเรียน นิสิตนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมปลาย ถึง ปริญญาตรี หรือเทียบเท่าทั่วประเทศ รวมทีมกันไม่เกิน 3 คน ส่งแนวคิดมุมมองที่มีต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ความยาวไม่เกิน 1หน้ากระดาษ a4 แล้วมาที่ [email protected] ภายในวันที่ 19 เมษายน 2554 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 20 ทีม จะได้เข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นเวลา 5 วัน 4 คืน ระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2554 ณ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ จ.กาญจนบุรี เพื่ออบรมขั้นตอนกระบวนการผลิตหนังสั้นและความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมกับพี่เลี้ยงสื่อที่เป็นมืออาชีพจากชมรมหนังสั้นประเทศไทย thaishortfilm และมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร โดยสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.pings.in.thและ www.thaishortfilm.com
ด้านนายบุญส่ง นาคภู่ ผู้กำกับหนังอิสระ กล่าวว่า เยาวชนที่ได้เข้าร่วมเวิร์กช๊อปจะมีโอกาสการฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จริงทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นศิลปะในการเขียนบท การเล่าเรื่องให้น่าสนใจ เทคนิคในการถ่ายทำ-ตัดต่อหรือแม้แต่มุมมองพิเศษที่จะทำให้หนังสั้นมีความน่าสนใจมากขึ้นในพื้นที่ปฏิบัติการจริงของคนทำงานอย่างมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร นี่ถือเป็นเป็นโอกาสที่ดีที่เยาวชนจะได้ฝึกกับมืออาชีพ อีกทั้งยังได้ลงไปอยู่ในสถานการณ์ที่เกิดผลกระทบจริงๆ เพื่อให้สะท้อนแง่มุมที่ใกล้เคียงความเป็นจริงออกมามากที่สุด ความคุ้มค่าที่เยาวชนจะได้ลงมาสัมผัสได้มาศึกษาจริงๆ เผยแพร่จริงๆ และนำไปสื่อสารในวงกว้างต่อไปเพื่อปลุกกระแสเรื่องการสื่อสารเรื่องสาธารณะต่อไป
“ทั้งนี้เยาวชนที่ผ่านการอบรม 20 ทีมจะต้องกลับไปพัฒนาแนวคิดที่ได้จากการอบรมเป็นบทหนังสั้นและส่งกลับมาอีกครั้งเพื่อคัดเลือกเหลือ 10 ทีมที่ดีที่สุดรับทุนสนับสนุนการผลิตเพื่อมาตัดสินเหลือสุดยอดหนังสั้น 4 รางวัล โดยจะประกาศผลและมอบรางวัลในงานวันสืบ นาคะเสถียร วันที่ 1 กันยายน 2554” ผู้กำกับหนังอิสระ กล่าว
ที่มา : แผนงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อสื่อศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมสร้างสรรค์