สวมรองเท้าแตะอาจเป็นมะเร็งผิวหนัง
ยิ่งพื้นบาง ป้องกันความร้อนได้น้อย ยิ่งเสี่ยง
ลอนดอน : ผลการศึกษาของนักวิจัยเมืองผู้ดี ชี้ชัดการสวมใส่รองเท้าแตะที่กำลังเป็นแฟชั่นแพร่ระบาดตามดาราฮอลลีวู้ดในตอนนี้ อาจมีผลข้างเคียงต่อผิวหนังที่อาจพัฒนาไปเป็นโรคที่มีอาการรุนแรงอย่างมะเร็งผิวหนังได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบันกระแสความนิยมสวมรองเท้าแตะกำลังเป็นเทรนด์ที่แพร่หลายอย่างมากในโลกตะวันตก โดยมีดาราสาวทีนควีนอย่างลินด์เซย์ โลฮาน เป็นแม่แบบ เพราะนอกจากจะสวมใส่สบายแล้ว ลวดลายที่วาดลงบนตัวรองเท้ายังเป็นแฟชั่นที่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ที่พบเห็นได้อีกด้วย
แต่ทั้งนี้ นักวิจัยเตือนว่าการสวมใส่รองเท้าแตะเป็นประจำอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ โดยเฉพาะกับรองเท้าแตะที่มีพื้นรองเท้าบางกว่าปรกติ เนื่องจากพื้นรองเท้าที่บางจะไม่สามารถป้องกันผิวหนังจากความร้อนของแสงอาทิตย์ที่ถูกเก็บกักอยู่บนพื้นผิวสัมผัสที่มนุษย์เหยียบย่ำลงไปได้ นอกจากนี้รองเท้าแตะยังไม่สามารถปกป้องผิวหนังเท้าด้านหน้าจากแสงอาทิตย์ที่ส่องตรงมายังโลกได้อีกด้วย แม้ปริมาณผิวหนังบริเวณดังกล่าวจะกินพื้นที่เพียงน้อยนิด แต่ก็สามารถก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
แอนโธนี่ คอนโตส ศัลยแพทย์แห่งคลินิกข้อเท้าและฝ่าเท้าลอนดอน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวงประเทศอังกฤษ กล่าวว่า การสวมรองเท้าที่เหมาะสมหรือการทาครีมกันแดดเป็นประจำ คือ 2 ปัจจัยที่สามารถป้องกันมนุษย์จากมะเร็งผิวหนังได้ในปัจจุบัน ทั้งนี้ มีข้อเท็จจริงทางการแพทย์ที่หลายคนไม่รู้ก็คือ ผิวหนังบริเวณเท้าด้านหน้ามีความบางและไวต่อรังสีอัลตราไวโอเลตเป็นอย่างมาก ดังนั้น ผู้ที่นิยมใส่รองเท้าแตะเดินทางไปไหนต่อไหนเป็นประจำ นั่นก็เท่ากับว่าได้เพิ่มความเสี่ยงของผิวหนังที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังอยู่ตลอดเวลา แบบเดียวกับผู้ที่นิยมออกจากที่ร่มโดยสวมใส่เพียงเสื้อแขนสั้นหรือกางเกงขาสั้น และไม่ทาครีมกันแดด เป็นต้น
มะเร็งผิวหนังเป็นมะเร็งที่พบได้น้อยประมาณร้อยละ 5 ของมะเร็งทั้งหมด มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง สาเหตุของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่าการระคายเคืองต่อผิวหนังเป็นระยะเวลานานๆ เป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ เช่น แสงแดดและแสงอัลตราไวโอเลต ผิวหนังส่วนที่ถูกแสงแดดเป็นระยะเวลานานๆ จะมีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าส่วนอื่น และยาที่มีส่วนประกอบของสารหนู ทั้งยาจีน ยาไทย เมื่อรับประทานนานๆจะทำให้เป็นโรคผิวหนัง และกลายเป็นมะเร็งในที่สุด รวมถึงหูด ไฝ ปาน หรือแผลเรื้อรังที่มีการระคายเคืองเป็นเวลานานๆ ก็อาจกลายเป็นมะเร็งได้
อาการของโรคส่วนใหญ่เริ่มจากมีการเปลี่ยนแปลงของไฝ ปาน หรือเริ่มต้นเป็นแผลเล็กๆ แล้วค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น ขรุขระ อาจมีสีดำที่ขอบๆ และเมื่อเป็นมากจะเป็นก้อนคล้ายดอกกะหล่ำปลี มะเร็งผิวหนังส่วนใหญ่มักพบที่บริเวณใบหน้า แขน ขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และลำตัว
ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
update : 17-06-51